การสกัดเพคตินจากฝักเหรียงเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

Pectin Extraction from the Pod Without Seed of Parkia timoriana Merr. for the Commercial Utilization

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2557
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการพื้นฐาน
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2556
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2557
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2556
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ การสกัดเพคตินจากฝักเหรียงเพื่อการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ยุทธนา พงษ์พิริยะเดชะ1 จีราภรณ์ สังข์ผุด2 พัชรินทร์ นวลศรีทอง1 บทคัดย่อ จากการศึกษาชนิดของตัวทำละลายที่เหมาะสมในการสกัดเพคตินจากฝักเหรียง โดยใช้ ตัวทำละลาย 5 ชนิด คือ กรดซัลฟิวริก กรดไฮโดรคลอริก กรดซิตริก กรดแล็กติก และโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต พบว่า ตัวทำละลายโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสกัดเพคตินจากฝักเหรียง โดยให้ปริมาณของเพคตินเท่ากับ 26.80 % สำหรับการศึกษาระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมของตัวทำละลายโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต ที่ 2, 4 และ 6 % พบว่า ที่ความเข้มข้นของตัวทำละลาย 6 % จะให้ปริมาณเพคตินสูงที่สุด คือ 44.25 % ทำนองเดียวกันเมื่อสกัดโดยใช้กรดซิตริกความเข้มข้น 2, 4, และ 6 % พบว่าที่ความเข้มข้น 6 % จะให้ปริมาณเพคตินสูงที่สุดคือ 21.28 % สำหรับผลของอุณหภูมิ (70, 80 และ 90 องศาเซลเซียส) ต่อการสกัดเพคตินจากฝักเหรียงเมื่อใช้ตัวทำละลายโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตและกรดซิตริก พบว่าที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส จะให้ปริมาณเพคตินสูงที่สุด คือ 43.52 และ 21.34 % ตามลำดับ นอกจากนี้จากการศึกษาฤทธิ์ป้องกันแผลกระเพาะอาหารในหนูของเพคตินจากฝักเหรียงพบว่า ที่ความเข้มข้นของเพคติน 500 mg/kg (p.o.) สามารถยับยั้งแผลกระเพาะอาหารในหนูได้ 23.8 % จากการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าฝักเหรียงจัดเป็นวัตถุดิบแหล่งใหม่ที่มีปริมาณเพคตินสูงและสามารถยับยั้งแผลกระเพาะอาหารได้ คำสำคัญ : เพคติน, เหรียง,โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต, กรดซิตริก, แผลกระเพาะอาหาร
รายละเอียดการนำไปใช้งาน จากการศึกษาชนิดของตัวทำละลายที่เหมาะสมในการสกัดเพคตินจากฝักเหรียง โดยใช้ตัวทำละลาย 5 ชนิด คือ กรดซัลฟิวริก กรดไฮโดรคลอริก กรดซิตริก กรดแล็กติก และโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต พบว่า โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสกัดเพคตินจากฝักเหรียง โดยให้ปริมาณเพคตินเท่ากับ 26.80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการศึกษาระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมของตัวทำละลาย ในการศึกษาครั้งนี้คัดเลือกตัวทำละลาย 2 ชนิด คือ โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตและกรดซิตริก เพราะจากการศึกษาในเบื้องต้นพบว่าเมื่อใช้ โซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟต จะให้ปริมาณเพคตินสูงสุด ส่วนกรดซิตริก เป็นตัวทำละลายที่มีผลข้างเคียงน้อยต่อร่างกาย และให้เพคตินที่มีลักษณะทางกายภาพที่ดี จากการศึกษา เมื่อเปลี่ยนแปลงค่าความเข้มข้นของตัวทำละลายโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตเป็น 2, 4 และ 6 % พบว่า ที่ความเข้มข้นของตัวทำละลาย 6 % จะให้ปริมาณเพคตินสูงที่สุด 44.25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกรดซิตริกก็ให้ผลในทำนองเดียวกันคือ ที่ความเข้มข้นของตัวทำละลาย 6 % จะให้ปริมาณเพคตินสูงที่สุด 21.28 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนผลของอุณหภูมิ (70, 80 และ 90 องศาเซลเซียส) ต่อการสกัดเพคตินจากฝักเหรียง พบว่าที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส จะให้ปริมาณเพคตินสูงที่สุด ทั้งที่สกัดด้วยโซเดียมเฮกซาเมตาฟอสเฟตและกรด ซิตริก คือ 43.52 และ 21.34 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ นอกจากนี้จากการศึกษาฤทธิ์ป้องกันแผลกระเพาะอาหารในหนูของเพคตินจากฝักเหรียง พบว่า ที่ความเข้มข้นของเพคติน 500 mg/kg (p.o.) สามารถยับยั้งแผลกระเพาะอาหารในหนูได้ เท่ากับ 23.8 เปอร์เซ็นต์ จากการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าฝักเหรียง จัดเป็นวัตถุดิบแหล่งใหม่ที่ใช้ในการสกัดเพคตินได้ดี
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ดร. ยุทธนา พงษ์พิริยะเดชะคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ70
2ผศ. พัชรินทร์ นวลศรีทองคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย30