ผลของการทำแห้ง การสกัดและการวิเคราะห์เชิงปริมาณของสารออกฤทธิ์จากพืชวงศ์ Dipterocarpaceae สู่ทิศทางด้านอาหาร

The effects of dehydration, extraction and quantitative analysis of active constituents from Dipterocarpaceae plant for food aspect

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2558
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการประยุกต์
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2557
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2558
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2557
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ จากการศึกษาเพื่อหาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดและแยกสารบริสุทธิ์เพื่อให้ได้ขั้นตอนมาตรฐานจากเปลือกพะยอมเป็นวัตถุดิบเริ่มต้นได้ผลดังนี้ ตัวอย่างอบด้วยตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิไม่เกิน 50 องศาเซลเซียสจนแห้ง บดและสกัดด้วยวิธีซอกเลทใช้อัตราส่วนตัวอย่างต่อเมทานอล 1 ต่อ 10 ที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ชั่วโมงทำการสกัด 3 ครั้ง ได้ผลผลิตสารสกัดจากเมทานอล เป็นร้อยละ 15.78 จากนั้นแยกส่วนด้วยคอลัมน์ HP-20 , คอลัมน์ ODS และ HPLC สำหรับสภาวะที่เหมาะสมในการตรวจสอบชนิดและปริมาณสารด้วย HPLC คือใช้คอลัมน์ Inertsil ODS-3, 3 um ขนาดคอลัมน์ 2.1 mmx10 cm (GI Science) ตัวทำละลายเคลื่อนที่ MeCN-0.1% HCOOH Gradient 0.2 มิลลิลิตร/นาที อัตราการไหลของเฟสเคลื่อนที่ 0.2 มิลลิลิตรต่อนาที อุณหภูมิคอลัมน์ 40 องศาเซลเซียส Detection UV 284 nm และปริมาณสารที่ฉีด 2 ไมโครลิตร พบว่าปริมาณสารทั้งหมดที่พบในเปลือกพะยอมมีปริมาณมากที่สุดคือ 1258 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร รองลงมาคือรากไม้ กิ่งไม้ และดอกพะยอม ส่วนในเนื้อไม้พะยอมพบในปริมาณน้อยที่สุดคือ 330.5 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร สำหรับชนิดของสารสำคัญและมีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นสาร trans-resveratol 10-C--gluconoside พบมากที่สุดในเปลือกพะยอม ส่วนสาร hopeaphenol และ iso-hopeaphenol พบมากที่สุดในกิ่งไม้พะยอม จากการเปรียบเทียบวิธีการสกัด 2 วิธีคือซอกเลทและอัลตร้าโซนิกด้วยตัวทำละลาย 4 ชนิดคือ เมทานอล เมทานอล+น้ำ (50:50) เอทานอล และเอทานอล+น้ำ (50:50) ในตัวอย่างดอก เปลือกและเนื้อไม้พะยอมต่อฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคได้แก่ Listeria monocytogenes และ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดจากทั้ง 3 ส่วนของพะยอมที่สกัดด้วยวิธีซอกเลทและอัลตร้าโซนิกเมื่อใช้เมทานอลและเอทานอลให้ผลการยับยั้งเชื้อทั้งสองชนิดใกล้เคียงกัน หากมีการผสมน้ำในตัวทำละลายทั้งสองทำให้ประสิทธิภาพของสารสกัดลดลง ส่วนการสกัดวิธีอัลตร้าโซนิกโดยใช้เมทานอลต่อน้ำที่อัตราส่วน 50:50 จากดอกพะยอมให้สารสกัดที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชันดีที่สุด เมื่อเปรียบเทียบชนิดและปริมาณสารสกัดจากทั้ง 3 ส่วนของพะยอม เปลือก และเนื้อไม้เคี่ยมด้วย HPLC พบว่าปริมาณสารสำคัญมีความแตกต่างกันและสารสกัดทุกตัวอย่างมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อจุลินทรีย์ทั้ง 2 ชนิดและมีฤทธิ์ในการต้านออกซิเดชัน คำสำคัญ สารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ การวิเคราะห์ปริมาณสาร การยับยั้งจุลินทรีย์ การต้านอนุมูลอิสระ
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ผศ.ดร. เสาวณีย์ ชัยเพชรคณะอุตสาหกรรมเกษตร ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ70
2อภิญญา วณิชพันธุ์คณะอุตสาหกรรมเกษตร ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย15
3ผศ. สมคิด ชัยเพชรคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย15