โครงการวิจัย
การผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มดิบโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาชนิดวิวิธพันธ์ที่ ผลิตมาจากเปลือกหอย
Biodiesel produce from crude palm oil using heterogeneous catalyst prepared from waste shell
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2557 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | |
ประเภททุนวิจัย | อื่นๆ |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาถึงกระบวนการผลิตสารตัวเร่งชนิดวิวิธพันธ์จากเปลือกหอยแล้วนำมาทดสอบความสามารถในการเร่งปฏิกิริยา ด้วยการเร่งปฏิกิริยาเพื่อผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มดิบ เปลือกหอยที่ถูกทิ้งหลังจากการบริโภคถูกนำมาทำความสะอาดแล้วทำการเผาที่อุณหภูมิสูง 900 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 1-7 ชั่วโมง พบว่าน้ำหนักของเปลือกหอยจะลดลงตามระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการสลายโครงสร้างส่วนที่เป็นคาร์บอนและออกซิเจนจากสารประกอบแคลเซียมคาร์บอเนตของเปลือกหอย แต่หลังจาก 3 ชั่วโมง น้ำหนักค่อนข้างคงที่ ผลจากการวิเคราะห์ XRD พบว่าโครงสร้างของแคลเซียมคาร์บอเนตที่เหลืออยู่เป็นเฟสของแคลไซต์ซึ่งสลายตัวที่อุณหภูมิสูงเท่านั้น จากนั้นนำมากระตุ้นโดยแช่ในของเหลว 3 ชนิด คือ น้ำ เอทานอล และ สารละลายกรดอะซิติกเข้มข้นร้อยละ 2 เป็นเวลา 1 ชั่วโมง แล้วนำไปเผาที่อุณหภูมิ 600 องศาเซลเซียสเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง พบว่าลักษณะการสูญเสียน้ำหนักของตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยสารละลายกรดอะซิติกจะสูงที่สุด การกระตุ้นด้วยน้ำและเอทานอลจะเกิดเปลี่ยนแปลงน้ำหนักใกล้เคียงกัน แต่โครงสร้างผลึกจาก XRD ไม่แตกต่างกัน ตัวเร่งทั้งสามชนิดถูกนำไปทดสอบความว่องไวในการเร่งปฏิกิริยา โดยศึกษาความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาเพื่อผลิตเมทิลเอสเทอร์จากน้ำมันปาล์มดิบ ในการวิจัยนี้น้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งมีค่ากรดค่อนข้างสูงถูกนำมากำจัดยางเหนียวก่อนนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล สังเคราะห์ไบโอดีเซลใช้อัตราส่วนโดยโมลของ น้ำมันปาล์มดิบ:เมทานอล เป็น 1:12 เมื่อนำผลิตภัณฑ์มาวิเคราะห์ปริมาณผลผลิตด้วยเทคนิค GCโดยใช้เมทิลเฮปทาเดคาโนเอตเป็นสารมาตรฐาน พบว่าผลการทดสอบที่อุณหภูมิ 65 ± 5 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะไม่เกิดผลิตภัณฑ์เมื่อไม่ใช้ตัวเร่งและปริมาณผลผลิตไบโอดีเซลจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณตัวเร่ง โดยพบว่าตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยน้ำและกระตุ้นด้วยเอทานอลมีความว่องไวในการเร่งปฏิกิริยามากกว่าการกระตุ้นด้วยสารละลายกรดอะซิติกการใช้ตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยน้ำร้อยละ 10โดยมวลทำให้ได้ผลิตภัณฑ์สูงถึงร้อยละ 98 จากการทดสอบผลของระยะเวลาในการทำปฏิกิริยาตั้งแต่ 0.5 – 5 ชั่วโมง พบว่าตัวเร่งจะมีประสิทธิภาพในการเร่งปฏิกิริยาสูงสุดที่ เวลา 1.5 ชั่วโมง และพบว่าอุณหภูมิเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเกิดปฏิกิริยาเช่นกัน การทำปฏิกิริยาที่อุณหภูมิ 50 ± 5 องศาเซลเซียส 1 ชั่วโมง ตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยน้ำและเอทานอลให้ผลผลิตต่ำกว่าร้อยละ 10 เมื่อใช้อุณหภูมิสูงถึง 85± 5 องศาเซลเซียส พบว่าตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 88 สามารถสรุปได้ว่าไม่ควรใช้อุณหภูมิในการผลิตต่ำกว่า 65 องศาเซลเซียส โดยความหนืดของเชื้อเพลิงไบโอดีเซลที่ผลิตได้ลดลงเมื่อปริมาณผลผลิตสูงขึ้น ที่ปริมาณผลผลิตร้อยละ 83 มีความหนืด 11.2 cSt/s มีค่ากรดไขมันอิสระร้อยละ 0.61 ซึ่งยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล คำสำคัญ ตัวเร่งปฏิกิริยา เปลือกหอย ไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | ผลจากการนำเอาเปลือกหอยซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งจากการบริโภคและอุตสาหกรรมอาหารมาเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปเป็นสารตัวเร่งพบว่า การนำเปลือกหอยแครงมาเผาที่อุณหภูมิ 900 องศาเซลเซียส พบว่าน้ำหนักของเปลือกหอยจะลดลงตามระยะเวลาและหลังจากการเผา 3 ชั่วโมง จะเกิดการสูญเสียน้ำหนักประมาณร้อยละ 44 แล้วค่อนข้างคงที่แม้จะเผานานถึง 7 ชั่วโมง ในงานนี้จึงเลือกใช้การเผาที่ 900 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง การนำเปลือกหอยที่ได้ไปกระตุ้นด้วยของเหลว 3 ชนิด คือ น้ำ เอทานอล และกรดอะซิติก ไม่ทำให้โครงผลึกของตัวเร่งแตกต่างกัน แต่พบว่าน้ำหนักของตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยสารละลายกรดอะซิติกหายไปมากที่สุด โดยการเผากระตุ้นที่ 600 องศาเซลเซียส 3 ชั่วโมง ทำให้น้ำหนักหายไปมากกว่าการเผากระตุ้นที่ 1 ชั่วโมง การศึกษาความสามารถของตัวเร่งปฏิกิริยาจากเปลือกหอย เลือกใช้ตัวเร่งที่เตรียมด้วยการกระตุ้นด้วยของเหลว 3 แบบ แล้วเผากระตุ้นเป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง ทดสอบความสามารถในการเร่งปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชันของน้ำมันปาล์มดิบกับเมทานอลที่อัตราส่วนเชิงโมล1:12 พบว่าปฏิกิริยาที่อุณหภูมิ 65±5 องศาเซลเซียส ในการทำปฏิกิริยา 1 ชั่วโมง พบว่า ตัวเร่งทั้ง 3 แบบ ช่วยให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้ โดยตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยเอทานอลและน้ำมีประสิทธิภาพสูงกว่าตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยกรดอะซิติก โดยเมื่อใช้ตัวเร่งร้อยละ 5 จะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ร้อยละ 86 และ 84 ตามลำดับ การเพิ่มปริมาณตัวเร่งช่วยให้ได้ปริมาณผลิตภัณฑ์สูงขึ้น ซึ่งหากใช้ตัวเร่งที่กระตุ้นด้วยน้ำปริมาณร้อยละ 10 ช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์สูงถึงร้อยละ 98การเพิ่มอุณหภูมิช่วยให้ได้ปริมาณผลผลิตมากขึ้น แต่มีผลน้อยกว่าการเพิ่มปริมาณสารตัวเร่ง ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมควรสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส ทำการทดสอบผลระยะเวลาต่อปริมาณผลผลิตไบโอดีเซล พบว่าระยะเวลาที่ให้ปริมาณผลผลิตมากสุดอยู่ที่ 90 นาที เมื่อนำผลิตภัณฑ์ที่ได้มาทดสอบปริมาณเมทิลเอสเทอร์ ค่ากรดไขมันอิสระ และความหนืดพบว่ายังมีค่าต่ำกว่ามาตรฐาน แต่อยู่ในระดับที่สามารถปรับปรุงแก้ไขให้เป็นไปตามมาตรฐานได้ โดยความหนืดสัมพันธ์กับปริมาณเมทิลเอสเทอร์ที่ได้ หากได้ปริมาณผลผลิตต่ำจะทำให้ความหนืดสูง และความหนืดลดลงเมื่อปริมาณเมทิลเอสเทอร์ในผลิตภัณฑ์สูงขึ้น ควรทำการศึกษาในส่วนนี้เพิ่มเติมเพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างความหนืดของผลิตภัณฑ์กับปริมาณผลผลิต สำหรับค่ากรดไขมันอิสระของตัวอย่างที่ได้ผลิตภัณฑ์สูงสุดอยู่ที่ร้อยละ 0.61 ซึ่งยังมีค่าเกินมาตรฐานเช่นกัน แต่หากนำไปใช้ในรูปเชื้อเพลิงผสม ค่าดังกล่าวก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหาแต่อย่างใด ในการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มดิบโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ผลิตจากเปลือกหอยนี้ยังมีประเด็นที่ควรศึกษาเพิ่มเติมอยู่หลายประการ เช่น การเตรียมน้ำมันปาล์มดิบ ควรศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลของการกำจัดยางเหนียวต่อประสิทธิภาพในการสังเคราะห์ไบโอดีเซลด้วยตัวเร่งวิวิธภัณฑ์ เนื่องจากกระบวนการผลิตนี้ไม่ต้องทำการล้างเอาด่างออกจากผลิตภัณฑ์ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานและน้ำในกระบวนการล้างไบโอดีเซล จึงควรศึกษาผลในเชิงเศรษฐศาสตร์เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลกับการผลิตไบโอดีเซลด้วยวิธีการดั้งเดิม นอกจากนั้นผลการศึกษาในงานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าตัวเร่งแบบวิวิธพันธ์มีประสิทธิภาพในการสังเคราะห์ไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มดิบ ควรทำการศึกษาเพื่อออกแบบเครื่องมือสำหรับการผลิตไบโอดีเซลด้วยตัวเร่งกลุ่มนี้ให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานจริงต่อไป |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ดร. บุญเรือน สรรเพชร | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 100 |