ผลของการกำจัดยางเหนียวต่อการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มดิบ

Effect of degumming process on the biodiesel production from crude palm oil

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2560
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.)
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.)
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.)
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ น้ำมันพืชจะมีสารที่ไม่ใช่น้ำมันปนเปื้อนอยู่ซึ่งจำเป็นต้องกำจัดออกเป็นขั้นตอนแรกก่อนนำน้ำมันพืชไปใช้ในการทำบริสุทธิ์และแปรรูปต่อไป โดยสารปนเปื้อนที่สำคัญในน้ำมันปาล์มดิบได้แก่สารประกอบฟอสฟอลิปิดซึ่งสามารถระบุปริมาณได้ในรูปของปริมาณของธาตุฟอสฟอรัส (P) สารประกอบฟอสฟอลิดปิดสามารถกำจัดออกได้โดยการบำบัดด้วยกรดฟอสฟอริก ซึ่งนอกจากกรดฟอสฟอริกจะสามารถกำจัดสารประกอบฟอสฟอลิปิดออกจากน้ำมันปาล์มดิบแล้วยังทำให้ฟอรความเข้มข้นของฟอสฟอรัสในน้ำมันสูงขึ้นด้วย จึงต้องมีการเลือกใช้ฟอสฟอริกในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้การกำจัดฟอสฟอลิปิดมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งวัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้คือหาปริมาณฟอสฟอริกที่เหมาะสมในการกำจัดยางเหนียวออกจากน้ำมันปาล์มดิบ จากผลการวิเคราะห์ปริมาณฟอสฟอรัสด้วยวิธีมาตรฐานวัดค่าด้วยเครื่องอัลตราไวโอเลตวิสิเบิลสเปกโตรมิทรีพบว่าน้ำมันปาล์มดิบที่นำมาศึกษามีปริมาณฟอสฟอรัส 79.1 ppm เมื่อผสมน้ำมันดิบดังกล่าวกับกรดฟอสฟอริกเข้มข้น 1%wt ที่อุณหภูมิ 50-100 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 30 นาที พบว่าปริมาณฟอสฟอรัสในน้ำมันดิบมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยพบว่าจะลดปริมาณลงกว่าร้อยละ 60 เมื่อทำการผสมที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เมื่อทำการศึกษาผลของปริมาณกรดฟอสฟอริกที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที พบว่าปริมาณฟอสฟอรัสในน้ำมันปาล์มดิบจะลดลงตามความเข้มข้นที่เพิ่มขึ้น ต่ำสุดที่ 0.75 %wt ซึ่งการใช้กรดฟอสฟอริกที่ความเข้มข้นสูงกว่าค่าดังกล่าวทำให้ปริมาณฟอสฟอรัสในน้ำมันปาล์มดิบกลับสูงขึ้นตามความเข้มข้น นอกจากนี้การใช้เวลาในการผสมเกิน 15 นาที ก็พบลักษณะการเพิ่มขึ้นของฟอสฟอรัสในน้ำมันปาล์มดิบเช่นกัน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าการกำจัดยางเหนียวในน้ำมันปาล์มดิบควรใช้กรดฟอสฟอริกเข้มข้น 0.75 %wt อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที เมื่อนำน้ำมันปาล์มดิบที่ผ่านการกำจัดยางเหนียวและยังไม่กำจัดยางเหนียวมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซลชนิดเมทิลเอสด้วยปฏิกิริยาทรานส์เอสเทอริฟิเคชันด้วยตัวเร่งโซเดียมไฮดรอกไซด์ ภายใต้อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส พบว่าน้ำมันปาล์มดิบที่ไม่ผ่านการกำจัดยางเหนียวจะได้ส่วนผสมเป็นเจลแข็งๆ ไม่สามารถแยกเป็นไบโอดีเซลได้ ส่วนการนำน้ำมันปาล์มดิบที่ผ่านการกำจัดยางเหนียวแล้วมาผลิตไบโอดีเซลพบว่าเมื่อปริมาณยางเหนียวลดลงจะได้ปริมาณผลผลิตสูงขึ้น การใช้น้ำมันปาล์มดิบที่กำจัดยางเหนียวด้วยสภาวะที่เหมาะสมที่สุดสามารถผลิตไบโอดีเซลได้ดีที่สุด โดยพบว่าภายใต้สภาวะที่ทำการศึกษานั้นมีปริมาณผลผลิตเมทิลเอสเทอร์ของกรดไขมันสูงกว่าร้อยละ 95 คำสำคัญ : ฟอสฟอลิปิด การกำจัดยางเหนียว ไบโอดีเซล น้ำมันปาล์มดิบ
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ดร. บุญเรือน สรรเพชรคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ85
2เพ็ญศรี เพ็ญประไพคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย15