การออกแบบสร้างเครื่องปั่นแห้งเพื่อลดเวลาในการตากแป้งสาคู

The Design and Invention of Dry Spinning Machine to Reduce Time for Drying Sago Starch.

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2560
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.)
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.)
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.)
ประเภททุนวิจัย งบประมาณรายได้
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ งานวิจัยการออกแบบสร้างเครื่องปั่นแห้งเพื่อลดเวลาในการตากแป้งสาคู มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาออกแบบและพัฒนาเครื่องปั่นแป้งสาคู เพื่อลดเวลาในการตากแป้ง และป้องกันการเจือปนของแมลงหรือฝุ่นละอองจากการตากแป้งเป็นเวลานาน โดยอาศัยหลักการหมุนของถังด้วยความเร็วเพื่อสลัดน้ำออกจากเนื้อแป้งสาคู เครื่องปั่นแป้งสาคูสร้างด้วยเหล็กกล้าไร้สนิมประกอบด้วย โครงสร้างทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร สูง 65 เซนติเมตร, ถังปั่น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 25 เซนติเมตร สูง 25 เซนติเมตร มีมอเตอร์ปั่นแห้ง ขนาด 90 วัตต์ เป็นต้นกำลัง และควบคุมการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ การทดสอบหาประสิทธิภาพ โดยใช้แป้งสาคูเปียก จำนวน 5 กิโลกรัม ปั่นด้วยเวลาที่แตกต่างกันแล้วนำแป้งมาทำเป็นเม็ดให้มีลักษณะและขนาดตามต้องการ ผลปรากฏว่าเวลาที่ใช้ในการปั่นด้วยเครื่องที่เหมาะสมที่สุดคือใช้เวลา 10 นาที่ ได้แป้งที่มีลักษณะความชื้นที่เหมาะสมสามารถนำไปผลิตแป้งสาคูแบบเม็ดได้ทันที ถ้าต้องการทำแป้งแบบผงก็นำแป้งไปตากแดดอีกประมาณ 8 ชั่วโมง ก็จะได้แป้งสาคูแบบผงพร้อมนำไปจำหน่ายหรือแปรรูปเป็นขนมชนิดต่างๆตามต้องการ โดยสามารถลดเวลาจากการตากแป้งได้ 8 ชั่วโมง หรือครึ่งหนึ่งของการตากตามปกติแบบเดิม จากผลการทดสอบจึงสรุปได้ว่าการออกแบบสร้างเครื่องปั่นแห้งเพื่อลดเวลาในการตากแป้งสาคู มีประสิทธิภาพสอดคล้องตามวัตถุประสงค์ และช่วยส่งเสริมการผลิตแป้งสาคูของชุมชนได้ คำสำคัญ : แป้งสาคู , เครื่องปั่นแป้งสาคู
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1เสริมศักดิ์ เกิดวันคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ70
2ผศ. พนม อินทฤทธิ์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย30