แนวทางในการปรับปรุงสมรรถภาพผลผลิต คุณภาพผลผลิตไข่และ องค์ประกอบซากของไก่ไข่ระยะช่วงท้ายของการเลี้ยงโดยการใช้สาร เสริมชีวภาพพลังงานใช้ประโยชน์ได้และการปรับสมดุลย์ของกรดอะมิโน จำเป็นที่ย่อยได้

Manipulation of Production Performances, Egg Quality and Meat Composition of The Late Period of Laying Hens through Supplementation Probiotic, Metabolizable Energy and Digestible Essential Amino Acids

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2560
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2559
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2560
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2559
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ การศึกษาแนวทางในการปรับปรุงสมรรถภาพผลผลิตคุณภาพผลผลิตไข่และองค์ประกอบซากของไก่ไข่ระยะช่วงท้ายของการเลี้ยง โดยการใช้สารเสริมชีวภาพ พลังงานใช้ประโยชน์ได้และการปรับสมดุลย์กรดอะมิโนจำเป็นที่ย่อยได้ โดยการวางแผนการทดลองแบบ 2x2x3 factorial in CRD ประกอบด้วยพลังงานใช้ประโยชน์ได้ 2 ระดับคือ 2,800 และ 2,900 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมอาหาร สัดส่วนกรดอะมิโนไลซีนต่อเมทไธโอนีนที่ย่อยได้ 2 ระดับ (0.81:0.44 และ 0.97:0.53%) และการเสริมจุลินทรีย์โปรไบโอติค 3 ระดับ (0, 0.1 และ 0.2%) ตามลำดับ การศึกษาใช้ไก่ไข่สายพันธุ์ Isabrown อายุ 60 สัปดาห์ จำนวน 540 ตัว แบ่งการทดลองออกเป็น 12 กลุ่ม ๆ ละ 5 ซ้ำ ๆ ละ 9 ตัว จากผลการทดลองพบว่าไม่มีปฏิกิริยาร่วม (interaction) ระหว่างจุลินทรีย์โปรไบโอติคพลังงานใช้ประโยชน์ได้และกรดอะมิโนจำเป็นที่ย่อยได้ อย่างไรก็ตามพบว่าการใช้พลังงานใช้ประโยชน์ได้ 2,900 กิโลแคลลอรีต่อกิโลกรัมอาหารมีผลในการปรับปรุงสมรรถภาพการให้ผลผลิตในด้านเปอร์เซ็นต์การให้ผลผลิตไข่ มวลไข่ และอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักไข่ 1 กิโลกรัมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) เมื่อเปรียบเทียบกับพลังงานใช้ประโยชน์ได้ 2,800 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมอาหาร นอกจากนี้พบว่า การใช้กรดอะมิโนไลซีนและเมทไธโอนีนย่อยได้ในสัดส่วน 0.97:0.53% มีค่าเฉลี่ยน้ำหนักไข่สูงกว่าและมีอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำหนักไข่ 1 กิโลกรัม ดีกว่าการใช้กรดอะมิโนไลซีนและเมทไธโอนีนย่อยได้ในสัดส่วน 0.81:0.44% อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) จากการศึกษาพบว่าการเพิ่มระดับพลังงาน 2,900 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมอาหารและสัดส่วนของกรดอะมิโนไลซีนและเมทไธโอนีนย่อยได้ 0.97:0.53 เปอร์เซ็นต์ปรับปรุงคุณภาพซากของไก่ไข่ในรูปของไขมันช่องท้อง เปอร์เซ็นต์การอุ้มน้ำ เปอร์เซ็นต์การอุ้มน้ำเมื่อทำให้สุกและความนุ่มของเนื้ออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับระดับพลังงานใช้ประโยชน์ได้ 2,800 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมอาหารและสัดส่วนของกรดอะมิโนไลซีนและเมทไธโอนีนย่อยได้ 0.81:0.44 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาครั้งนี้พบว่าการเสริมสารเสริมชีวภาพโปรไบโอติคในสูตรอาหารไม่ได้มีผลต่อสมรรถภาพการให้ผลผลิต คุณภาพผลผลิต องค์ประกอบซาก และคุณภาพซากของไก่ไข่ จากการทดลองครั้งนี้สามารถสรุปได้ว่า การใช้อาหารที่มีพลังงานใช้ประโยชน์ได้ระดับ 2,900 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมอาหาร และกรดอะมิโนไลซีนและเมทไธโอนีนย่อยได้สัดส่วน 0.97:0.53% เป็นระดับที่เหมาะสมในการช่วยปรับปรุงสมรรถภาพการให้ผลผลิตของไก่ไข่ในระยะช่วงท้ายของการเลี้ยง คำสำคัญ : สารเสริมชีวภาพ พลังงานใช้ประโยชน์ได้ การปรับสมดุลย์ของกรดอะมิโนจำเป็นที่ย่อยได้ สมรรถภาพการให้ผลผลิตของไก่ไข่ องค์ประกอบซาก คุณภาพซาก
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1รศ.ดร. เกียรติศักดิ์ สร้อยสุวรรณคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ70
2ผศ.ดร. นันทนา ช่วยชูวงศ์คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย30