การศึกษาเชื้อราชนิด epiphytic และ entophyte ที่ก่อให้เกิดโรคกับ ผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยวของมังคุดและแนวทางในการควบคุม

Study of epiphytic and entophytic fungi which cause postharvest diseases of mangosteen (Garcinia mangostana Linn) and their control approach

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2560
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการประยุกต์
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2559
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2561
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2559
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ

มังคุด (Garcinia magostana L.) เป็นผลไม้ที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศจนได้ชื่อเป็นราชินีแห่งผลไม้ในประเทศไทย มีพื้นที่ในการปลูกมังคุดมากอยู่ในภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศไทย การศึกษาการเกิดโรคและสาเหตุการเข้าทำลายในระยะก่อนและหลังการเก็บเกี่ยวที่ก่อให้เกิดโรคของมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 4 พื้นที่ปลูก เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา คืออำเภอพรหมคีรี และอำเภอทุ่งสง พื้นที่ราบ คือ อำเภอเมืองนครศรีธรรมรราช และ อำเภอชะอวด การศึกษาแยกเชื้ออีพิไฟต์ (epiphytic) บนอาหาร NA และ PDA  โดยวิธี dilution plate บนอาหาร NA ที่การเจือจาง 103 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 27 cfu การเจือจางที่ 104 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 10 cfu และการเจือจางที่ 105 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 5 cfu และบนอาหาร PDA การเจือจางที่ 103 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 42 cfu การเจือจางที่ 104 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 7 cfu และการเจือจางที่ 105 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 6.5 cfu  การศึกษาแยกเชื้อเอนโดไฟท์ (endophyte) บนอาหาร NA และ PDA  โดยวิธี dilution plate บนอาหาร NA พบว่าการเจือจางที่ 103 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 24 cfu การเจือจางที่ 104 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 8 โคโลนี  cfu และการเจือจางที่ 105 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 7 cfu และบนอาหาร PDA จากการเจือจางที่ 103 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 30 cfu การเจือจางที่ 104  มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 16 cfu และการเจือจางที่ 105 มีจำนวนโคโลนีเฉลี่ย 8.5 cfu

          เมื่อตรวจเชื้อราเอนโดไฟท์จากตัวอย่างแปลงปลูกมังคุดจากแปลงเกษตรกรแถบเชิงเขาและที่ราบสามารถแยกเชื้อราเอนโดไฟท์ด้วยวิธี tissue transplanting เมื่อแยกเชื้อจากกิ่ง ใบ กลีบเลี้ยงบนผล ขั้วผล และผล (ระยะก่อนเก็บเกี่ยว) ตรวจพบเชื้อที่ติดมาจากแปลงปลูก 3 ชนิด คือ Pestalotiopsis sp. Colletothichum gloeosporioides และ Lasiodiplodia theobromae ผลปรากฏดังนี้คือ Pestalotiopsis sp. มีร้อยละของการเกิดโรคเฉลี่ย เท่ากับ 32.49 (แยกเชื้อจากกิ่ง ใบ กลีบเลี้ยงบนผล ขั้วผล และผล (ระยะก่อนเก็บเกี่ยว) มีร้อยละการเกิดโรค เท่ากับ 3.55  8.13  7.11  7.11 และ 6.59 ตามลำดับ) Colletothichum gloeosporioides มีร้อยละของการเกิดโรค 49.74 (แยกเชื้อจากกิ่ง ใบ กลีบเลี้ยงบนผล ขั้วผล และผล (ระยะก่อนเก็บเกี่ยว) มีร้อยละการเกิดโรค เท่ากับ 6.09  9.64  11.67  12.19 และ 10.15 ตามลำดับ) และ Lasiodiplodia theobromae มีร้อยละของการเกิดโรค 17.77 (ที่ระยะผลก่อนเก็บเกี่ยวเท่านั้น)

          การคัดเลือกสารเคมีและการทดสอบประสิทธิภาพของสารเคมียับยั้งเชื้อเอนโดไฟต์ Pestalotiopisis sp. และเชื้อ Lasiodiplodia theobromae ด้วยวิธี poisoning medium ผลการทดลองพบว่า สารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเชื้อ Pestalotiopisis sp. ได้ดีที่สุด คือ carbendazim, copper oxychloride, dimethomorph, difenoconazole+propiconazole, prochloraz, propiconazozle และ thiophanate-methyl มีประสิทธิภาพยับยั้งเชื้อ Pestalotiopisis sp. พบว่า เท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการทดสอบสารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของเชื้อรา Lasiodiplodia theobromae ในสภาพห้องปฏิบัติการการได้ดีที่สุด คือ thiophanate-methl และ thaibendazole สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อได้ดีที่สุด 100 ปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุม

          จากการทดสอบเชื้อปฏิปักษ์ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเชื้อ Pestalotiopsis sp. และเชื้อ Lasiodiplodia theobromae โดยเชื้อปฏิปักษ์ 3 ชนิด คือ Trichoderma harzianum, Paenibacillus pabuli SW และ Bacillus amyloliquefacien KPS46 ด้วยวิธี dual culture เพื่อคัดเลือกเชื้อปฏิปักษ์ในการควบคุมเชื้อ Pestalotiopsis sp. และเชื้อ Lasiodiplodia theobromae ผลการทดสอบพบว่า เชื้อปฏิปักษ์ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญได้ดีที่สุด คือ Paenibacillus pabuli SW สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Pestalotiopsis sp. เท่ากับ 68.89 เปอร์เซ็นต์ และเชื้อปฏิปักษ์ที่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญเชื้อ Lasiodiplodia theobromae ได้ดีที่สุด คือ Trichoderma harzianum สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ Lasiodiplodia theobromae เท่ากับ 66.88 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุม

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำสำคัญ: มังคุด เชื้อแฝง โรคหลังการเก็บเกี่ยว

1/ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อ.ทุ่งสง จ. นครศรีธรรมราช 80110

2/ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อ.ทุ่งใหญ่ จ. นครศรีธรรมราช 80240

รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ผศ. ชัยสิทธิ์ ปรีชาคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ60
2ผศ. เวที วิสุทธิแพทย์คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20
3พรศิลป์ สีเผือกคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20