โครงการวิจัย
โอกาสและทางเลือกของชุมชนกลุ่มเกษตรกรฝั่งทะเลอ่าวไทย : การพัฒนาศักยภาพมะมุดในเชิงพาณิชย์
Opportunity and A Hernative for Community on Gulf of Thailand Cost: The Potential Development of Horse Mango in Commercial Aspect
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2560 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2559 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2560 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2559 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณแผ่นดิน |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เสริมสร้างทักษะการพัฒนาผลิตภัณฑ์มะมุดรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับชุมชนกลุ่มเกษตรกรชายทะเลฝั่งอ่าวไทย 2) ตรวจสอบวิเคราะห์จุลินทรีย์และคุณค่าทางโภชนาการผลิตภัณฑ์มะมุดพัฒนาผลิตภัณฑ์มะมุด แต่ละรูปแบบ 3) การศึกษารูปแบบบรรจุภัณฑ์และคำนวณต้นทุนในการผลิตผลิตภัณฑ์มะมุดแต่ละรูปแบบตรงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค 4) สรุปบทเรียนเพื่อขยายผลการพัฒนาผลิตภัณฑ์มะมุด เพื่อการพึ่งตนเองของชุมชนกลุ่มเกษตรกรชายทะเลฝั่งอ่าวไทยโดยใช้สื่อออนไลน์ โดยเก็บข้อมูลจากชุมชนกลุ่มเกษตรกรชายทะเลฝั่งอ่าวไทย จำนวน 400 ตัวอย่าง ผลการศึกษาพบว่า จากการสำรวจข้อมูลผู้ตอบแบบสอบถามที่อาศัยอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 400 คน พบว่าส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 59.50 และเป็นเพศร้อยละ 40.50 อยู่ในช่วงอายุ 21 – 30 ปี ร้อยละ 30.50 รองลงมาคือ มากกว่า 61 ปี ร้อยละ 16.00 และที่น้อยที่สุดคือ 51 – 60 ปี ร้อยละ 12.30 มีการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 33.00 รองลงมาคือปริญญาตรี ร้อยละ 27.75 และที่น้อยที่สุดคือ สูงกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 4.75ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม/รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 32.50 รองลงมาคือ นักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 29.00 มีภูมิลำเนาอยู่ในภาคใต้ทั้งหมด มีรายได้ 5,000 – 10,000 บาท ร้อยละ 29.50 รองลงมาคือ น้อยกว่า 5,000 บาท ร้อยละ 29.25 และที่น้อยที่สุดคือ 15,001 บาท ขึ้นไป ร้อยละ 19.25 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีเวลาว่างวันละ 3-4 ชั่วโมง ร้อยละ 31.25 เคยรับประทานมะมุด ร้อยละ 99.25 ส่วนใหญ่ ซื้อมะมุดมาจากตลาดสด ร้อยละ 39.50 สนใจประกอบอาชีพเสริมในเวลาว่าง ร้อยละ 64.25 สนใจเข้าร่วมกลุ่มเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลไม้ชุมชน (มะมุด) ร้อยละ 55.75 สนใจเข้าร่วมการอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลไม้พื้นบ้าน (มะมุด)เป็นอย่างมาก ร้อยละ 47.25 มีความเห็นว่าการอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลไม้พื้นบ้าน (มะมุด) มีประโยชน์เป็นอย่างมาก ร้อยละ 44.75 มีความเห็นว่าควรจัดการเรียนอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลไม้พื้นบ้าน (มะมุด) โดยการเรียนการสอนโดยปฏิบัติจริงโดยมีผู้เชี่ยวชาญบรรยาย ร้อยละ 77.75 มีความเห็นว่าควรจัดอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลไม้พื้นบ้าน (มะมุด) 2 วัน ต่อ 5 ผลิตภัณฑ์ ร้อยละ 44.75 การนำไปประกอบอาชีพของการอบรมหลักสูตรแปรรูปผลิตภัณฑ์ผลไม้พื้นบ้าน (มะมุด) ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่าสามารถนำไปประกอบอาชีพเสริมได้ จากการทดลองหาปริมาณเชื้อทั้งหมด ยีสต์ รา ในผลิตภัณฑ์มะมุดแช่อิ่ม โดยทำการเลี้ยงเชื้อบนอาหารแข็ง (Plate Count Agar and Potato Dextrose Agar) โดยวิธี Spread plate เป็นระยะเวลา 3 เดือนผลิตภัณฑ์ยังมีลักษณะทางกายภาพค่อนข้างเหมือนเดิมรวมถึงรสชาติก็ยังคงเดิมและยังสามารถเก็บรักษาได้อีกโดยไม่เน่าเสีย จึงส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถนำมาบริโภคได้อีกโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ยังเป็นการแปรรูปวัตถุดิบที่มีและหาได้ง่ายในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ผลไม้พื้นบ้าน (มะมุด) ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความเห็นว่าผลิตภัณฑ์มะมุดดองควรบรรจุในกล่องพลาสติกร้อยละ 35.25 บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์มะมุดแช่อิ่ม เป็นซองพลาสติก/ถุงพลาสติก และกล่องพลาสติก ร้อยละ 32.25 ผลิตภัณฑ์มะมุดอบแห้งหรือยำมะมุดด้วย ซองพลาสติก/ถุงพลาสติก ร้อยละ 64.75 ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์น้ำมะมุด เป็นขวดแก้วมากร้อยละ 43.75 บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์มะมุดกวนด้วยซองพลาสติก ร้อยละ 81.25 บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ มะมุดหยี เป็นซองพลาสติกมากที่สุด ร้อยละ 51.75 บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ แยมมะมุดด้วยขวดแก้ว 80.25 ส่วนใหญ่มีความคิดเห็นต่อข้อมูลที่ควรประกฎอยู่บนฉลากบรรจุภัณฑ์ ภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.61 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.90 เมื่อพิจารณารายประเด็นพบว่าสิ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามคิดว่าควรปรากฏอยู่บนฉลากบรรจุภัณฑ์มากที่สุดคือวันผลิตและวันหมดอายุ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.112 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.912 รองลงมาคือชื่อสินค้า อยู่ในระดับมาก ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.963 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.097 และที่น้อยที่สุดคือรหัสแท่งหรือรหัสซื้อขาย ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.114 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.922 คำสำคัญ เกษตรกร, การพัฒนาศักยภาพ, ชุมชนเกษตรกรฝั่งทะเลอ่าวไทย, เศรษฐกิจพอเพียง, การสร้างมูลค่าเพิ่ม, การวิจัยและพัฒนา |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ผศ. พูลทรัพย์ อินทร์สังข์ | คณะอุตสาหกรรมเกษตร ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 50 |
2 | ดร. กัลยาณี ทองเลี่ยมนาค | คณะเทคโนโลยีการจัดการ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |
3 | จันทิรา ภูมา | คณะเทคโนโลยีการจัดการ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |
4 | ผศ. จินตนา เลิศสกุล | คณะเทคโนโลยีการจัดการ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |