การวิเคราะห์พันธุศาสตร์ประชากรของหอยตะเภา (Donax scortum) ตามแนวชายฝั่งทะเลอันดามันเพื่อหาแนวทางในการอนุรักษ์

Population genetic analysis of Leather Donax (Donax scortum) along the Andaman sea coast : Implication for conservation

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2561
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2560
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2561
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2560
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ หอยตะเภา (Donax scortum) เป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีความสำคัญในภาคใต้ของประเทศไทย ปัจจุบันหอยตะเภามีจำนวนลดลง เนื่องจากมีการจับเพื่อนำมาบริโภคจนเกินขีดความสามารถในการขยายพันธุ์ จำเป็นต้องมีการจัดการซึ่งต้องมีข้อมูลทางพันธุกรรมในการวางแผนจัดการ โดยการวิจัยครั้งนี้ทำการศึกษาโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรและประวัติประชากรของหอยตะเภาตามแนวชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยวิเคราะห์จากความหลากหลายของลำดับนิวคลีโอไทด์ในไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอขนาด 426 คู่เบสจากยีน cytochrome oxidase subunit I จำนวน 115 ตัว และลำดับนิวคลีโอไทด์ในไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอขนาด 727 คู่เบส จากยีน 18S rRNA จำนวน 99 ตัว เก็บตัวอย่างจาก 4 แหล่งตัวอย่าง คือจังหวัดสตูล อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง และจังหวัดกระบี่ ผลการศึกษาจากยีน cytochrome oxidase subunit I พบว่ามีแฮโพลไทป์ 32 แฮโพลไทป์ ค่า haplotype diversity และ nucleotide diversity มีค่า 0.887 และ 0.00500 ตามลำดับ ค่าสถิติ Tajima’s D และ Fu’ FS จากการทดสอบ neutrality test พบว่าประชากรหอยตะเภาเคยมีการขยายขนาดประชากร ทดสอบ mismatch distribution พบว่ายอมรับการเกิด sudden expansion model และน่าจะขยายขนาดมาประมาณ 1,000 ปี แผนผังความสัมพันธ์ระหว่างแฮโพลไทป์ (MSN) พบว่าเป็นรูปแบบดาว (star topology) และไม่สามารถแบ่งประชากรตามสภาพภูมิศาสตร์ได้ ทดสอบโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรด้วยวิธี AMOVA พบว่าไม่มีโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรเกิดขึ้น ทดสอบความแตกต่างทางพันธุกรรมระหว่างแหล่งตัวอย่างด้วยวิธี pairwise FST และการสร้างแผนผังต้นไม้วิวัฒนาการ พบว่าไม่มีความแตกต่างกัน ผลการศึกษาจากยีน 18S rRNA พบว่ามีแฮโพลไทป์ 5 แฮโพลไทป์ ค่า haplotype diversity และ nucleotide diversity มีค่า 0.080 และ 0.00031 ตามลำดับ ค่าสถิติ Tajima’s D และ Fu’ FS จากการทดสอบ neutrality test พบว่าประชากรหอยตะเภาเคยมีการขยายขนาดประชากร ทดสอบ mismatch distribution พบว่ายอมรับการเกิด sudden expansion model และน่าจะขยายขนาดมาประมาณ 100 ปี แผนผังความสัมพันธ์ระหว่างแฮโพลไทป์ พบว่าเป็นรูปแบบดาวและไม่สามารถแบ่งประชากรตามสภาพภูมิศาสตร์ได้ ทดสอบโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรด้วยวิธี AMOVA พบว่า ไม่มีโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรเกิดขึ้น ทดสอบความแตกต่างทางพันธุกรรมระหว่างจังหวัดด้วยวิธี pairwise FST และการสร้างแผนผังต้นไม้วิวัฒนาการ พบว่าไม่มีความแตกต่างกัน การไม่เกิดโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรน่าจะเกิดจาก ประชากรหอยตะเภามีความสามารถในการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมได้ดี ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถนำมาใช้เป็นข้อมูลในการจัดการหอยตะเภาในทะเลอันดามันได้ คำสำคัญ: ไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอ หอยตะเภา โครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากร อนุรักษ์
รายละเอียดการนำไปใช้งาน การศึกษาโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรและประวัติประชากรของหอยตะเภาที่สุ่มขึ้นมาจากแต่ละแหล่งตัวอย่างตามแนวชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยวิเคราะห์จากลำดับนิวคลีโอไทด์ของยีน cytochrome oxidase subunit I ในไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอขนาด 426 คู่เบส และลำดับนิวคลีโอไทด์ของยีน 18S rRNA ในไมโทคอนเดรียลดีเอ็นเอขนาด 727 คู่เบส พบว่าไม่มีโครงสร้างพันธุศาสตร์ประชากรของหอยตะเภาในทะเลอันดามัน และเมื่อวิเคราะห์ประวัติประชากร พบว่า ประชากรหอยตะเภาในทะเลอันดามันเคยมีการขยายขนาดประชากรมาประมาณ 100–1,000 ปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาครั้งนี้สามารถใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนพิจารณาในการจัดการทรัพยากรตะเภาในทะเลอันดามันได้ แต่อย่างไรก็ตามควรมีการศึกษาเพิ่มเติมโดยใช้เครื่องหมายพันธุกรรมอื่นเช่นเครื่องหมายไมโครแซทเทลไลท์ ซึ่งมีอัตราการกลายพันธุ์สูง ในการพิจารณาเพื่อกำหนดแนวทางในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางพันธุกรรมของหอยตะเภาในทะเลอันดามันควบคู่ไปด้วยกัน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1วีระเกียรติ ทรัพย์มีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ70