โครงการวิจัย
สารพฤกษเคมี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ การยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคและความเป็นพิษต่อสัตว์น้ำของสารสกัดสาหร่ายทะเล
Phytochemistry, Antioxidant Activities, Antibactrial Activities and Toxicity on Aquatic Animals of Marine Marcoalgae Rhizoclonium hieroglyphicum (C. Agardh) K?tzing, 1845 Extracts
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2561 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | โครงการประยุกต์ |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2560 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2561 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2560 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณแผ่นดิน |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | สารพฤกษเคมี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ การยับยั้งแบคทีเรียก่อโรคและความเป็นพิษต่อสัตว์น้ำของสารสกัดสาหร่ายทะเล Rhizoclonium hieroglyphicum (C. Agardh) Kützing, 1845 วรวุฒิ เกิดปราง สุนันทา ข้องสาย2 ปรีดา เกิดสุข1 บทคัดย่อ สาหร่าย Rhizoclonium hieroglyphicum (C. Agardh) Kützing, 1845 จากบ่อน้ำกร่อย นำมาอบให้แห้ง และสกัดสารด้วยน้ำ เอทานอล และเมทานอล พบว่าการสกัดด้วยน้ำมีปริมาณสารสกัดสูงที่สุด เท่ากับ 9.77 เปอร์เซ็นต์ เอทานอล และเมทานอล มีปริมาณสารสกัดเท่ากับ 1.39 และ 0.99 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ โดยพบสารพฤกษเคมีประกอบด้วยสารแอลคาลอยด์ ซาโปนิน และน้ำตาลดีออกซี ในสารสกัดที่สกัดด้วยน้ำ ขณะที่พบสารแอลคาลอยด์ เทอร์พีนอยด์ ซาโปนิน และน้ำตาลดีออกซี ในสารสกัดที่สกัดด้วยเอทานอล และเมทานอล ส่วนสารแทนนินพบเฉพาะในสารสกัดที่สกัดด้วยเมทานอลเท่านั้น ขณะที่ไม่พบสารแอนทราควิโนน คาร์ดิแอกไกลโคไซด์ สเรียรอยด์ และวงแหวนแล็กโทนไม่อิ่มตัวในทุกสารสกัด การทดสอบปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมและฟลาโวนอยด์ พบว่ามีมากที่สุดในสารสกัดที่สกัดด้วยน้ำ รองลงมาคือ เอทานอล และเมทานอล ตามลำดับ ปริมาณสารประกอบฟีนอลิกรวมในสารสกัดที่สกัดจากน้ำ เอทานอล และเมทานอล เท่ากับ 1,950 1,420.83 และ 1,354.17 mg GAE/mg CE ตามลำดับ และปริมาณสารฟลาโวนอยด์ในสารสกัดที่สกัดจากน้ำ เอทานอล และเมทานอล เท่ากับ 808.33 756.67 และ 661.67 mg RE/mg CE ตามลำดับ เมื่อทำการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลต้านอนุมูลอิสระ พบว่าสารสกัดที่สกัดด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงสุด รองลงมาคือสารสกัดที่สกัดด้วยเอทานอล และน้ำ ตามลำดับ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดด้วยเมทานอล เอทานอล และน้ำ ด้วยวิธี DPPH เท่ากับ 12.87 31.45 และ 84.91 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ และด้วยวิธี ABTS เท่ากับ 3.01 7.11 และ 22.49 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร ตามลำดับ การทดสอบฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียของสารสกัด พบว่าสารสกัดด้วยเอทานอล และละลายด้วย DMSO มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ดีที่สุด โดยสารสกัดที่สกัดด้วยเอทานอล และเมทานอล และละลายด้วยน้ำ และ DMSO สามารถยับยั้งและฆ่าเชื้อ Steptococcus agalectiae ได้ ขณะที่สารสกัดที่ละลายด้วย DMSO มีประสิทธิภาพมากกว่าการละลายด้วยน้ำ และสารสกัดที่สกัดด้วยเอทานอล และละลายด้วย DMSO สามารถยับยั้งและฆ่าเชื้อ Staphylococcus aureus ได้ และเมื่อทดสอบพิษเฉียบพลันของสารสกัดที่สกัดด้วยเอทานอล และละลายด้วย DMSO ต่อสัตว์น้ำ มีค่า LC50 ที่ 48 ชั่วโมง ต่อลูกปลากะพงขาว ขนาด 1.5-2 เซนติเมตร เท่ากับ 0.064 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร และลูกกุ้งขาวแวนนาไม PL15 เท่ากับ 0.035 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร คำสำคัญ : สาหร่ายทะเล สารพฤกษเคมี ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ การต้านเชื้อแบคทีเรียก่อโรคสัตว์น้ำ ความเป็นพิษต่อสัตว์น้ำ |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | รศ.ดร. วรวุฒิ เกิดปราง | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง | หัวหน้าโครงการ | 50 |
2 | ปรีดา เกิดสุข | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |
3 | ผศ. สุนันทา ข้องสาย | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง | ผู้ร่วมวิจัย | 30 |