การคัดเลือกและการใช้แบคทีเรียปฏิปักษ์เพื่อใช้ควบคุมโรคราดำของเห็ดที่เกิดจากเชื้อรา Botryodiplodia spp.

Screening and Using of Antagonistic Bacteria to Control Botryodiplodia spp. in Mushroom

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2561
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2560
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2562
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 มกราคม 2560
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ จากการเก็บตัวอย่างก้อนเชื้อเห็ดที่เกิดโรคราดำ Botryodiplodia spp. ในพื้นที่ 5 จังหวัด พบก้อนเชื้อเห็ดที่เกิดโรคราดำ Botryodiplodia spp. ทั้งหมด 54 ฟาร์ม แบ่งเป็นจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 13 ฟาร์ม (24.07 เปอร์เซ็นต์) รองลงมาคือ จังหวัดสงขลา จำนวน 12 ฟาร์ม (22.22 เปอร์เซ็นต์) ในส่วนของจังหวัดพัทลุงและสุราษฏร์ธานี จำนวน 10 ฟาร์ม (7.93 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่จังหวัดตรังสามารถเก็บรวบรวมก้อนเชื้อเห็ดจากฟาร์มได้น้อยที่สุด จำนวน 9 ฟาร์ม (7.14 เปอร์เซ็นต์) (ตารางที่ 3.1) (ภาพที่ 3.1) โดยชนิดของก้อนเชื้อเห็ดที่พบการเกิดโรคราดำ Botryodiplodia spp. จำนวนทั้งสิ้น 126 ก้อน ก้อนเชื้อเห็ดที่พบโรคราดำ Botryodiplodia spp. มากที่สุด คือก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าภูฐาน 63 ก้อน (50.00 เปอร์เซ็นต์) รองลงมา คือ เห็ดนางรมฮังการี 39 ก้อน (30.95 เปอร์เซ็นต์) เห็ดหูหนู 16 ก้อน (12.70 เปอร์เซ็นต์) และชนิดของก้อนเชื้อเห็ดที่พบน้อยสุด คือ เห็ดหลินจือ 8 ก้อน (6.35 เปอร์เซ็นต์) ภาพที่ 3.1 พื้นที่ และจำนวนฟาร์ม ทั้ง 5 จังหวัด ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมก้อนเชื้อเห็ดที่เกิดโรคราดำ Botryodiplodia spp. (ก) (ข) (ค) (ง) ภาพที่ 3.2 ตัวอย่างก้อนเชื้อเห็ดชนิดต่างๆที่เกิดโรคราดำ Botryodiplodia spp. (ก) ก้อนเชื้อเห็ดหูหนู (ข) ก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้าภูฐาน (ค) ก้อนเชื้อเห็ดนางรมฮังการี (ง) ก้อนเชื้อเห็ดหลินจือ 3.1.2 การจำแนกชนิด (species) ของเชื้อ Botryodiplodia spp. จากการจำแนกชนิดของเชื้อ Botryodiplodia spp. ผลการศึกษาพบว่า ความหลากหลายของเชื้อรา Botryodiplodia spp. ในก้อนเชื้อเห็ดที่เก็บตัวอย่างในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สุราษฏร์ธานี และสงขลา พบเชื้อรา Botryodiplodia spp. ทั้งหมด 126 ไอโซเลต ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พบเชื้อรา Botryodiplodia spp. ทั้งหมด 18 ไอโซเลต จังหวัดตรัง 19 ไอโซเลต จังหวัดพัทลุง 19 ไอโซเลต จังหวัดสุราษฏร์ธานี 40 ไอโซเลต และจังหวัดสงขลา 30 ไอโซเลต (ตารางที่ 3.1) ตารางที่ 3.1 สถานที่เก็บตัวอย่าง จำนวนฟาร์ม จำนวนเชื้อราดำ จำนวนเชื้อแบคทีเรีย และชนิดของก้อนเชื้อ เห็ดเชื้อสาเหตุโรคราดำ Botryodiplodia spp. สถานที่เก็บ จำนวนฟาร์ม จำนวนเชื้อราดำ (ไอโซเลท) จำนวนเชื้อแบคทีเรีย(ไอโซเลท) ก้อนเชื้อเห็ด จังหวัดนครศรีธรรมราช 14 18 14 อ.ทุ่งใหญ่ 3 4 2 นางฟ้า,หลินจือ อ. ถ้ำพรรณรา 1 1 3 นางฟ้า อ. ทุ่งสง 1 4 1 นางฟ้า อ. ร่อนพิบูลย์ 4 2 2 นางรม อ.ช้างกลาง 1 4 1 นางฟ้า อ.ท่าศาลา 1 1 1 นางรม อ.สิชล 2 1 1 นางฟ้า อ.ลานสกา 1 1 1 นางฟ้า ตารางที่ 3.1 สถานที่เก็บตัวอย่าง จำนวนฟาร์ม จำนวนเชื้อราดำ จำนวนเชื้อแบคทีเรีย และชนิดของก้อนเชื้อ เห็ดเชื้อสาเหตุโรคราดำ Botryodiplodia spp. (ต่อ) สถานที่เก็บ จำนวนฟาร์ม จำนวนเชื้อราดำ (ไอโซเลท) จำนวนเชื้อแบคทีเรีย (ไอโซเลท) ก้อนเชื้อเห็ด จังหวัดตรัง 9 19 19 อ.รัษฏา 1 2 3 นางฟ้า อ.วังวิเศษ 1 2 4 นางฟ้า อ.ห้วยยอด 3 6 2 นางฟ้า อ.เมือง 2 2 1 นางฟ้า อ.สิเกา 1 4 8 นางฟ้า อ.ย่านตาขาว 1 3 1 นางฟ้า,หลินจือ จังหวัดพัทลุง 10 19 7 อ.ป่าพยอม 1 1 1 นางฟ้า อ.ควนขนุน 3 6 2 หูหนู อ.เขาชัยสน 1 3 1 นางฟ้า อ.ศรีบรรพต 1 2 1 นางฟ้า อ.ป่าบอน 2 4 1 นางฟ้า อ.ตะโหมด 2 2 1 นางฟ้า จ.สุราษฏร์ธานี 10 40 13 อ.เวียงสระ 1 5 1 นางฟ้า อ.บ้านนาเดิม 1 4 2 นางฟ้า อ.เมือง 1 11 3 นางฟ้า อ.กาญจนดิษฐ์ 4 13 4 นางฟ้า อ.พุนพิน 1 2 1 นางฟ้า อ.ไชยา 2 5 2 นางฟ้า,นางรม จ.สงขลา 12 30 10 อ.ควนเนียง 4 9 3 นางฟ้า อ.รัตภูมิ 2 6 1 นางฟ้า อ.บางกล่ำ 1 3 1 นางฟ้า อ. สิงหนคร 3 7 2 นางฟ้า อ.หาดใหญ่ 1 2 2 นางฟ้า อ.เมือง 1 3 1 นางฟ้า ลักษณะอาการของก้อนเชื้อเห็ดที่พบโรคราดำ Botryodiplodia spp. ที่เข้าทำลายก้อนเชื้อเห็ด (ภาพที่ 3.4 และ 3.5) เชื้อจะเข้าทำลายวัสดุเพาะเห็ดในระยะการบ่มเชื้อ ทำให้ขี้เลื่อยมีสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ โดยเริ่มแรกเชื้อรามีสีขาว ต่อมาเชื้อราจะขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทิ้งไว้นานๆสังเกตเห็นก้อนเล็กๆ สีดำนูนออกมาที่ผิวของถุงพลาสติก (ก) (ข) ภาพที่ 3.3 ลักษณะเส้นใยโรคราดำ Botryodiplodia spp. บนอาหาร PDA (ก) เส้นใยโรคราดำ Botryodiplodia spp. บนอาหาร PDA เป็นเวลา 7 วัน (ข) เส้นใยโรคราดำ Botryodiplodia spp. บนอาหาร PDA เป็นเวลา 30 วัน ภาพที่ 3.4 ลักษณะอาการของก้อนเชื้อเห็ดที่พบโรคราดำ Botryodiplodia spp. ภาพที่ 3.5 ลักษณะของสปอร์เชื้อ Botryodiplodia spp. กำลังขยาย 40X ผลการทดลองที่ 3.2 การแยกและคัดเลือกเชื้อแบคทีเรียที่คาดว่าจะเป็นปฏิปักษ์ 3.2.1 การแยกเชื้อแบคทีเรียจากถุงเห็ดเป็นโรคราดำ Botryodiplodia spp. จากการแยกเชื้อแบคทีเรียจากถุงก้อนเชื้อเห็ดที่เป็นโรคราดำ Botryodiplodia spp. พบว่า ความหลากหลายของแบคทีเรีย ในก้อนเชื้อเห็ดของพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สุราษฏร์ธานี และสงขลา พบเชื้อแบคทีเรียทั้งหมด 63 ไอโซเลท โดยพบเชื้อแบคทีเรียในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชทั้งหมด 14 ไอโซเลท จังหวัดตรัง 9 ไอโซเลท จังหวัดพัทลุง 7 ไอโซเลท จังหวัดสุราษฏร์ธานี 13 ไอโซเลท และจังหวัดสงขลา 10 ไอโซเลท ภาพที่ 3.6 ลักษณะโคโลนีแบคทีเรียที่สามารถเลือกเก็บเพื่อนำไปใช้ทดสอบความสามารถในการเป็นแบคทีเรีย ปฏิปักษ์ต่อเชื้อราสาเหตุโรคราดำ ผลการทดลองที่ 3.3 การทดสอบความสามารถในการเป็นแบคทีเรียปฏิปักษ์ต่อเชื้อสาเหตุโรคราดำ Botryodiplodia spp. จากการทดสอบความสามารถในการเป็นแบคทีเรียปฏิปักษ์ต่อเชื้อสาเหตุโรคราดำ Botryodiplodia spp. พบเชื้อแบคทีเรียปฏิปักษ์ที่สามารถยับยั้งเชื้อ Botryodiplodia spp. มีทั้งหมด 15 ไอโซเลท จากแบคทีเรียทั้งหมด 63 ไอโซเลท โดยเชื้อแบคทีเรีย SR05 มีระดับเปอร์เซ็นต์การยับยั้งสูงสุดที่ 47.36 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา คือ เชื้อแบคทีเรีย PT04, PT01, SR12, NK13, SR11, TR13, SK08, TR05, NK08, SR02, NK03 และ NK05 มีระดับเปอร์เซ็นต์การยับยั้งที่ 46.42, 44.76, 44.44, 44.29, 43.03, 42.50, 41.93, 40.71, 40.36, 40.09, 33.93 และ 32.86 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ในขณะที่ SK07 มีระดับเปอร์เซ็นต์การยับยั้งน้อยที่สุด 31.29 เปอร์เซ็นต์ (ตารางที่ 3.2; ภาพที่ 8 และ 9) ตารางที่ 3.2 เปอร์เซ็นต์การยับยั้งของแบคทีเรียที่แยกได้จากก้อนเชื้อเห็ดในการยับยั้งเชื้อราดำ Botryodiplodia spp. ชนิดของแบคทีเรีย เปอร์เซ็นต์การยับยั้ง (%) NK03 33.93 NK05 32.86 NK08 40.36 NK13 44.29 TR05 40.71 TR13 42.50 SK07 31.29 SK08 41.93 PT01 44.76 PT04 46.42 SR02 40.09 SR05 47.36 SR11 43.03 SR12 44.44 หมายเหตุ: NK= นครศรีธรรมราช, TR =ตรัง, SK = สงขลา, PT = พัทลุง, SR = สุราษฎร์ธานี ภาพที่ 3.8 เปอร์เซ็นต์การยับยั้งของแบคทีเรียที่แยกได้จากก้อนเชื้อเห็ดในการยับยั้งเชื้อราดำ Botryodiplodia spp. (ก) (ข) ภาพที่ 3.9 การทดสอบความสามารถของแบคทีเรียในการเป็นแบคทีเรียปฏิปักษ์ต่อสาเหตุโรคราดำ Botryodiplodia spp. (ก) เชื้อแบคที่เรียปฏิปักษ์ที่ควบคุมเชื้อ Botryodiplodia spp. (ข) เชื้อแบคที่เรียปฏิปักษ์ที่ไม่ควบคุมเชื้อ Botryodiplodia spp. ผลการทดลองที่ 3.4 การทดสอบผลของแบคทีเรียปฏิปักษ์ต่อการเจริญของเส้นใยเห็ด ผลการศึกษาพบว่าแบคทีเรียปฏิปักษ์ต่อเชื้อราดำ Botryodiplodia ที่คัดเลือกได้ มาทดสอบกับเชื้อเห็ดนางฟ้าภูฐาน เชื้อแบคทีเรียที่สามารถเจริญร่วมกับเส้นใยเห็ดนางฟ้าภูฐาน มีทั้งหมด 5 ไอโซเลท ได้แก่ SR05, PT01, NK08, SK08 และ SR11 (ก) (ข) ภาพที่ 3.10 การทดสอบผลของแบคทีเรียปฏิปักษ์ต่อการเจริญของเส้นใยเห็ด (ก) เชื้อแบคที่เรียปฏิปักษ์ที่ควบคุมเชื้อ Botryodiplodia spp. ที่เจริญร่วมกับเส้นใยเห็ด (ข) เชื้อแบคที่เรียปฏิปักษ์ที่ควบคุมเชื้อ Botryodiplodia spp. ที่ไม่เจริญร่วมกับเส้นใยเห็ด 3.5 การทดสอบแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพต่อการออดดอกของเห็ดนางฟ้าภูฐานในโรงเรือน 3.5.1 จำนวนดอกเห็ด ผลการศึกษาจำนวนดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 1 พบว่า SR11 มีจำนวนดอกออกมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 8.75 ดอก/ถุง รองลงมาคือ SR05, PT01 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ จำนวนดอกออกเฉลี่ย 8.15-7.78 ดอก/ถุง Botryodiplodia spp. จำนวนดอกออกน้อยที่สุด คือ ชุดควบคุม เฉลี่ย 4.78 ดอก/ถุง จำนวนดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 2 พบว่า SR11 มีจำนวนดอกออกมากที่สุดเฉลี่ย 6.35 ดอก/ถุง รองลงมาคือ PT01, SR05 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ จำนวนดอกออกเฉลี่ย 5.95-5.15 ดอก/ถุง ส่วนในชุด Botryodiplodia spp. จำนวนดอกออกน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 4.38 ดอก/ถุง จำนวนดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 3 พบว่า SR05 และ PT01 จำนวนดอกออกมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 4.60 ดอก/ถุง รองลงมาคือ SR11 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ จำนวนดอกออกเฉลี่ยอยู่ที่ 4.35-4.51 ดอก/ถุง ส่วนในชุด Botryodiplodia spp.จำนวนดอกออกน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.88 ดอก/ถุง จำนวนดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 4 พบว่า SR05 จำนวนดอกออกมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 4.50 ดอก/ถุง รองลงมาคือ SR11, PT01 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ จำนวนดอกออกเฉลี่ยอยู่ที่ 4.43-4.00 ดอก/ถุง ในส่วน ชุด Botryodiplodia spp. จำนวนดอกออกน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 3.40 ดอก/ถุง เมื่อพิจารณาจำนวนดอกเห็ด ทั้ง 4 รุ่น พบว่าไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยการใช้เชื้อแบคทีเรีย ทั้ง 3 ไอโซเลท ได้แก่ SR05, PT01 และ SR11 พบว่า การใช้เชื้อ SR11 ในรุ่นที่ 1,2 มีจำนวนดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานเฉลี่ยมากที่สุดเฉลี่ยเท่ากับ 5.97 ดอก/ถุง ตามลำดับ ส่วนในรุ่นที่ 3 และ 4 การใช้เชื้อ SR05 มีจำนวนดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานรวมเฉลี่ยมากที่สุดเฉลี่ยเท่ากับ 5.78 ดอก/ถุง ตารางที่ 3.3 จำนวนดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน แต่ละรุ่นเมื่อทดสอบด้วยเชื้อแบคทีเรียที่ จำนวน 3 ไอโซเลท (SR05, PT01 และ SR11) Botryodiplodia spp. (control) และน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ(check) ชนิดของเชื้อที่ใช้ทดสอบ จำนวนดอกเห็ด (ดอก/ถุง) รุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 รุ่นที่ 4 เฉลี่ย 1. SR05+ Botryodiplodia spp. 8.15a 5.85ab 4.60a 4.50a 5.78 2. PT01+ Botryodiplodia spp. 8.10a 5.95ab 4.60a 4.10a 5.69 3. SR11+ Botryodiplodia spp. 8.75a 6.35a 4.35a 4.43a 5.97 4. Botryodiplodia spp. 4.78b 4.38b 3.88b 3.40b 4.11 5. น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (สูตรปกติ) 7.78a 5.15ab 4.15ab 4.00a 5.27 C.V. % 13.78 20.41 6.99 9.01 30.97 Significant Difference * ** * * ns หมายเหตุ: * ค่าเฉลี่ยในสดมภ์เดียวกัน ที่ตามด้วยอักษรต่างกัน มีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมี นัยสำคัญ (P<0.05) ** ค่าเฉลี่ยในสดมภ์เดียวกัน ที่ตามด้วยอักษรต่างกัน มีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมี นัยสำคัญยิ่ง (P<0.01) ns ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ 3.5.2 น้ำหนักดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน จากการศึกษาน้ำหนักดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 1 พบว่า SR11 น้ำหนักดอกเห็ดมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 83.45 กรัม/ถุง รองลงมาคือ SR05, PT01 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ย 81.65-78.20 กรัม/ถุง ส่วนในชุด Botryodiplodia spp. น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 70.78 กรัม/ถุง น้ำหนักดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 2 พบว่า SR05 น้ำหนักดอกเห็ดมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 77.33 กรัม/ถุง รองลงมาคือ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ยอยู่ที่ 74.85 กรัม/ถุง SR11 และ PT01 น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ยอยู่ที่ 74.48 และ 71.03 กรัม/ถุง ส่วนในชุด Botryodiplodia spp. น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 67.05 กรัม/ถุง น้ำหนักดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 3 พบว่า PT01 น้ำหนักดอกเห็ดมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 57.53 กรัม/ถุง รองลงมา คือ SR11 น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ย 56.95 กรัม/ถุง SR05 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ย 56.33 และ 53.05 กรัม/ถุง ในส่วนชุด Botryodiplodia spp. น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 45.80 กรัม/ถุง น้ำหนักดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 4 พบว่า PT01 น้ำหนักดอกเห็ดมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 39.53 กรัม/ถุง รองลงมาคือ SR11 น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ยอยู่ที่ 37.83 กรัม/ถุง SR05 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ย 37.50-34.93 กรัม/ถุง ในส่วนชุด Botryodiplodia spp. น้ำหนักดอกเห็ดเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 24.58 กรัม/ถุง เมื่อพิจารณาน้ำหนักเห็ด ทั้ง 4 รุ่น พบว่าไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยการใช้เชื้อแบคทีเรีย ทั้ง 3 ไอโซเลท ได้แก่ SR05, PT01 และ SR11 พบว่า การใช้เชื้อ SR05 มีน้ำหนักดอกเห็ดมากที่สุด เฉลี่ยเท่ากับ 63.20 กรัม/ถุง รองลงมาคือ SR11, PT01 และน้ำกลั่นนึ่งนึ่งฆ่าเชื้อ มีน้ำหนักดอกเห็ดรวมเฉลี่ย 63.18-60.26 กรัม/ถุง ในส่วนชุด Botryodiplodia spp. น้ำหนักดอกเห็ดรวมเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 52.05 กรัม/ถุง ตารางที่ 3.4 น้ำหนักดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานแต่ละรุ่นเมื่อนำมาทดสอบกับเชื้อแบคทีเรีย จำนวน จำนวน 3 ไอโซเลท (SR05, PT01 และ SR11) Botryodiplodia spp. (control) และน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (check) ชนิดของเชื้อที่ใช้ทดสอบ น้ำหนักดอก (กรัม/ถุง) รุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 รุ่นที่ 4 เฉลี่ย 1. SR05+ Botryodiplodia spp. 81.65a 77.33a 56.33 37.50a 63.20 2. PT01+ Botryodiplodia spp. 80.55a 71.03ab 57.53 39.53a 62.16 3. SR11+ Botryodiplodia spp. 83.45a 74.48ab 56.95 37.83a 63.18 4. Botryodiplodia spp. 70.78b 67.05b 45.80 24.58b 52.05 5. น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (สูตรปกติ) 78.20ab 74.85ab 53.05 34.93a 60.26 C.V. % 7.29 7.25 14.60 10.07 33.28 Significant Difference * * ns ** ns หมายเหตุ: * ค่าเฉลี่ยในสดมภ์เดียวกัน ที่ตามด้วยอักษรต่างกัน มีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมี นัยสำคัญ (P<0.05) ** ค่าเฉลี่ยในสดมภ์เดียวกัน ที่ตามด้วยอักษรต่างกัน มีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมี นัยสำคัญยิ่ง (P<0.01) ns ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ 3.5.3 ความยาวของก้านดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน ผลการศึกษาความยาวของก้านดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 1 พบว่า น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ 7.51 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ PT01, Botryodiplodia spp. และ SR05 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย 7.47-7.43 เซนติเมตร/ดอก ในส่วน SR11 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 7.09 เซนติเมตร/ดอก ความยาวของก้านดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 2 พบว่า SR05 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ 7.54 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ, PT01 และ Botryodiplodia spp. ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย 7.50-7.39 เซนติเมตร/ดอก ในส่วน SR11 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 7.25 เซนติเมตร/ดอก ความยาวของก้านดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 3 พบว่า SR05 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ 7.72 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ SR11 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย 7.47 เซนติเมตร/ดอก PT011 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย 7.39 เซนติเมตร/ดอก น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย 7.34 เซนติเมตร/ดอก ในส่วนชุด Botryodiplodia spp. ดอกเห็ดยาวเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 7.24 เซนติเมตร/ดอก ความยาวของก้านดอกเห็ดนางฟ้าภูฐานในรุ่นที่ 4 พบว่า PT01 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวที่สุด เฉลี่ยอยู่ที่ 7.15 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ SR05 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย 7.14 เซนติเมตร/ดอก SR11 และ Botryodiplodia spp. ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย 7.09 เซนติเมตร/ดอก ในส่วนของน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 7.07 เซนติเมตร/ดอก เมื่อพิจารณาความยาวของก้านดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน ทั้ง 4 รุ่น พบว่าไม่มีความแตกต่างสถิติ โดยการใช้เชื้อแบคทีเรีย ทั้ง 3 ไอโซเลท ได้แก่ SR05, PT01 และ SR11 พบว่า การใช้เชื้อ SR05 ก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ยมากที่สุด เท่ากับ 7.46 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ PT01, น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ และ Botryodiplodia spp.ก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ย เท่ากับ 7.36-7.29 เซนติเมตร/ดอกในส่วนของ SR11 ความยาวของก้านดอกเห็ดยาวเฉลี่ยน้อยที่สุดอยู่ที่ 7.23 เซนติเมตร/ดอก ตารางที่ 3.5 ความยาวของก้านดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน แต่ละรุ่นเมื่อนำมาทดสอบกับเชื้อแบคทีเรีย จำนวน 3 ไอโซเลท (SR05, PT01 และ SR11) Botryodiplodia spp. (control) และน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (check) ชนิดของเชื้อที่ใช้ทดสอบ ความยาวของก้านดอกเห็ด (เซนติเมตร/ดอก) รุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 รุ่นที่ 3 รุ่นที่ 4 เฉลี่ย 1. SR05+ Botryodiplodia spp. 7.43 7.54 7.72ab 7.14 7.46 2. PT01+ Botryodiplodia spp. 7.47 7.45 7.39a 7.15 7.36 3. SR11+ Botryodiplodia spp. 7.09 7.25 7.47ab 7.09 7.23 4. Botryodiplodia spp. 7.45 7.39 7.24ab 7.09 7.29 5. น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (สูตรปกติ) 7.51 7.50 7.34b 7.07 7.35 C.V. % 3.96 5.71 3.44 5.26 2.59 Significant Difference ns ns * ns ns หมายเหตุ: * ค่าเฉลี่ยในสดมภ์เดียวกัน ที่ตามด้วยอักษรต่างกัน มีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมี นัยสำคัญ (P<0.05) ns ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ 3.5.4 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ด จากการศึกษาเส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 1 พบว่า SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกกว้างที่สุด เฉลี่ยกว้าง 7.57 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ PT01, SR11 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยกว้าง 7.55 -7.45 เซนติเมตร/ดอก ในส่วนชุด Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางดอกน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 7.37 เซนติเมตร/ดอก ผลการศึกษาเส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 2 พบว่า SR11 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกกว้างที่สุด เฉลี่ยกว้าง 7.55 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยกว้าง 7.49 เซนติเมตร/ดอก PT01 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยกว้าง 7.46 เซนติเมตร/ดอก และน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยกว้าง 7.25 เซนติเมตร/ดอก ในส่วนชุด Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางดอกน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 7.22 เซนติเมตร/ดอก ผลการศึกษาเส้นผ่านศูนย์กลางดอกนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 3 พบว่า SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางดอก เฉลี่ยกว้าง 7.37 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ PT01 และ Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยกว้าง 7.01 และ 6.94 เซนติเมตร/ดอก ตามลำดับ ในส่วน SR11 และน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางดอกน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 6.89 เซนติเมตร/ดอก ผลการศึกษาเส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 4 พบว่า SR05 มีเส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดกว้างที่สุด เฉลี่ยกว้าง 7.17 เซนติเมตร/ดอก รองลงมา คือ PT01, SR11 และน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยกว้าง 7.13-6.94 เซนติเมตร/ดอก ในส่วน Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางดอกน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 6.86 เซนติเมตร/ดอก เมื่อพิจารณาเส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน ทั้ง 4 รุ่น พบว่าไม่มีความแตกต่างทางสถิติ โดยการใช้เชื้อแบคทีเรีย ทั้ง 3 ไอโซเลท ได้แก่ SR05 PT01 และ SR11 พบว่า ในรุ่นที่ 1 การใช้เชื้อ SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางดอก มีความกว้างดอกเฉลี่ยมากที่สุด เฉลี่ยเท่ากับ 7.57 เซนติเมตร/ดอก ในรุ่นที่ 2 การใช้เชื้อ SR11 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยมากที่สุด เฉลี่ยเท่ากับ 7.55 เซนติเมตร/ดอก ในรุ่นที่ 3,4 การใช้เชื้อ SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเฉลี่ยมากที่สุด เฉลี่ยเท่ากับ 7.37 และ 7.17 เซนติเมตร/ดอก ตามลำดับ ตารางที่ 3.6 เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดนางฟ้าภูฐาน แต่ละรุ่นเมื่อนำมาทดสอบกับเชื้อแบคทีเรีย 3 ชนิด ชนิดของเชื้อที่ใช้ทดสอบ เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ด(เซนติเมตร/ดอก) รุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 รุ่นที่3 รุ่นที่4 เฉลี่ย 1. SR05+ Botryodiplodia spp. 7.57 7.49 7.37 7.17 7.28 2. PT01+ Botryodiplodia spp. 7.55 7.46 7.01 7.13 7.40 3. SR11+ Botryodiplodia spp. 7.47 7.55 6.89 7.07 7.29 4. Botryodiplodia spp. 7.37 7.22 6.94 6.86 7.24 5. น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (สูตรปกติ) 7.42 7.25 6.89 6.94 7.10 C.V.% 4.23 4.02 5.84 5.56 3.98 Significant Difference ns ns ns ns ns หมายเหตุ: ns ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ 3.5.5 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านดอกเห็ด จากการศึกษาเส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 1 พบว่า PT01 มีเส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างที่สุด เฉลี่ยกว้าง 0.96 มิลลิเมตร/ดอก รองลงมา คือ SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ยกว้าง 0.94 มิลลิเมตร/ดอก SR11 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ย 0.91 มิลลิเมตร/ดอกและ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ด เฉลี่ยกว้าง 0.92 มิลลิเมตร/ดอก ในส่วนของชุด Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 0.89 มิลลิเมตร/ดอก เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 2 พบว่า PT01 มีเส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างที่สุด เฉลี่ยกว้าง 0.89 มิลลิเมตร/ดอก รองลงมา คือ SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ยกว้าง 0.87 มิลลิเมตร/ดอก น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ยกว้าง 0.85 มิลลิเมตร/ดอก SR11 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ย 0.82 มิลลิเมตร/ดอก ในส่วนของชุด Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 0.81 มิลลิเมตร/ดอก เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 3 พบว่า SR11 มีเส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างที่สุด เฉลี่ยกว้าง 0.84 มิลลิเมตร/ดอก รองลงมา คือ PT01 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ยกว้าง 0.78 และ 0.74 มิลลิเมตร/ดอก SR05 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ยกว้าง 0.69 มิลลิเมตร/ดอก ในส่วนของชุด Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 0.68 มิลลิเมตร/ดอก เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดนางฟ้าภูฐาน ในรุ่นที่ 4 พบว่า SR11 มีเส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างที่สุด เฉลี่ยกว้าง 0.77 มิลลิเมตร/ดอก รองลงมา คือ PT01, SR05 และ น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างเฉลี่ยกว้าง 074, 0.73 และ 0.72 มิลลิเมตร/ดอก ตามลำดับ ในส่วนของชุด Botryodiplodia spp. เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างน้อยที่สุดเฉลี่ยกว้าง 0.68 มิลลิเมตร/ดอก เมื่อพิจารณาเส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดนางฟ้าภูฐาน ทั้ง 4 รุ่น พบว่าไม่มีความแตกต่างทางสถิติ โดยการใช้เชื้อแบคทีเรีย ทั้ง 3 ไอโซเลท ได้แก่ SR05, PT01 และ SR11 พบว่า ในรุ่นที่ 1และ 2 การใช้เชื้อ PT01 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างมากที่สุดเฉลี่ยกว้าง 0.96 และ 0.89 มิลลิเมตร/ดอกตามลำดับ ในรุ่นที่ 3 และ 4 การใช้เชื้อ SR11 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดกว้างมากที่สุดเฉลี่ยกว้าง 0.84 และ 0.77 มิลลิเมตร/ดอก ตามลำดับ ตารางที่ 3.7 เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดนางฟ้าภูฐาน แต่ละรุ่นเมื่อนำมาทดสอบกับเชื้อแบคทีเรีย จำนวน 3 ไอโซเลท (SR05, PT01 และ SR11) Botryodiplodia spp. (control) และน้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (check) ชนิดของเชื้อที่ใช้ทดสอบ เส้นผ่านศูนย์กลางก้านเห็ดนางฟ้าภูฐาน (มิลลิเมตร/ดอก) รุ่นที่ 1 รุ่นที่ 2 รุ่นที่3 รุ่นที่ 4 เฉลี่ย 1. SR05+ Botryodiplodia spp. 0.94 0.87 0.69b 0.73 0.81 2. PT01+ Botryodiplodia spp. 0.96 0.89 0.78ab 0.74 0.84 3. SR11+ Botryodiplodia spp. 0.92 0.82 0.84a 0.77 0.83 4. Botryodiplodia spp. 0.89 0.81 0.67b 0.68 0.76 5. น้ำกลั่นนึ่งฆ่าเชื้อ (สูตรปกติ) 0.91 0.85 0.74ab 0.72 0.80 C.V.% 7.64 10.14 9.33 7.87 12.01 Significant Difference ns ns ** ns ns หมายเหตุ: ** ค่าเฉลี่ยในสดมภ์เดียวกัน ที่ตามด้วยอักษรต่างกัน มีความแตกต่างกันทางสถิติอย่างมี นัยสำคัญยิ่ง (P<0.01) ns ไม่มีความแตกต่างทางสถิติ
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1พรศิลป์ สีเผือกคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ70
2ผศ. วุฒิชัย สีเผือกคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย10
3ผศ. ชัยสิทธิ์ ปรีชาคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20