โครงการวิจัย
การจัดการที่เหมาะสมในการป้องกันกำจัดไรและเพลี้ยไฟ ในส้มโอทับทิมสยามภายใต้สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน
The Appropriate Management for Control Mite and Thrips of Pummelo cv. Taptimsiam under Climate Variation
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2560 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการย่อย |
ประเภทงานวิจัย | |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2559 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2561 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2559 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณแผ่นดิน |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | การศึกษาประชากรไร เพลี้ยไฟ และประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการควบคุมแมลงในสวนส้มโอทับทิมสยาม เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจจัดการศัตรูพืชที่เหมาะสม ดำเนินการในสวนส้มโอ อายุ 4-5 ปี ในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างเดือนมกราคม 2560 ถึง สิงหาคม 2561 พบไรศัตรูสำคัญของส้มโอ 3 ชนิด คือไรขาว Polyphagotarsonemus latus (Banks) ไรสนิมส้ม Phyllocoptruta oleivora (Ashmead) ไรแดง Eutetranychus africanus (Tucker) และพบเพลี้ยไฟชนิดที่สำคัญ 2 ชนิด คือ Scirtothrips dorsalis (Hood) และ Thrips hawaiiensis ประชากรไรและเปอร์เซ็นต์ความเสียหายของส้มโอที่เกิดจากการทำลายของไร พบว่า ในปี 2560 พบไรจำนวนมากในระยะพัฒนาใบอ่อนและผลอ่อนของส้มโอ ซึ่งมีปริมาณมากที่สุดในเดือนเมษายน โดยมีค่าเฉลี่ยประชากร 1.29 ตัวต่อใบ และค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ความเสียหายของใบ 7.21 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2561 พบค่าเฉลี่ยประชากรไรสูง 1.37 ตัวต่อใบ เปอร์เซ็นต์ความเสียหายของใบพบมากที่สุดในเดือนเมษายน (ระยะใบอ่อนและผลอ่อน) เช่นกัน โดยมีค่าเฉลี่ยความเสียหาย 3.81 เปอร์เซ็นต์ สำหรับ การศึกษาประชากรและเปอร์เซ็นต์ความเสียหายของเพลี้ยไฟ พบว่า ในปี 2560 พบประชากรสูงสุดในเดือน ตุลาคม (ระยะใบอ่อนและผลอ่อน) มีค่าประชากรเฉลี่ย 2.80 ตัวต่อยอด มีค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ความเสียหายของใบ 10.71 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2561 มีค่าเฉลี่ยประชากรสูง ในเดือนเมษายน(ระยะใบอ่อนและผลอ่อน) ค่าประชากรเฉลี่ย 4.50 ตัวต่อยอด ค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์ความเสียหายของใบ 7.78 เปอร์เซ็นต์ ประชากรและความเสียหายจากเพลี้ยไฟจะไม่พบเพลี้ยไฟหรือพบในปริมาณน้อยมากในระยะใบแก่และระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต การศึกษาความสัมพันธ์ของประชากรไรแดง ไรขาว และไรสนิมส้ม กับปัจจัยสภาพอากาศ ด้านอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน ความชื้นสัมพัทธ์ และความเร็วลม พบว่า 1)ประชากรของไรแดงกับความเร็วลมและอุณหภูมิมีความสัมพันธ์ในระดับปานกลาง (r=0.52, p=0.45) และระดับต่ำมาก (r=0.26, p=0.45) ตามลำดับในทิศทางเดียวกัน ด้านปริมาณน้ำฝนและความชื้นสัมพัทธ์ มีความสัมพันธ์ในระดับต่ำมาก (r=-0.15, p=0.67) และ (r=-0.11, p=0.74) ตามลำดับในทิศทางตรงกันข้ามกัน 2) ความสัมพันธ์ของประชากรไรขาวกับปัจจัยสภาพอากาศ พบว่า อุณหภูมิมีความสัมพันธ์ในระดับสูง (r=0.82, p=0.00** มี ค่า p-value ของอุณหภูมิจะมีความสัมพันธ์กันทางสถิติ) และความเร็วลมอยู่ในระดับต่ำ (r=0.47, p=0.16) ในทิศทางเดียวกัน ด้านปริมาณน้ำฝนและความชื้นสัมพัทธ์ มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้าม มีความสัมพันธ์ในระดับต่ำมาก (r=-0.28, p=0.43) และ (r=-0.10, p=0.76) ตามลำดับ และมีค่า p-value ไม่มีความสัมพันธ์กันทางสถิติกับประชากร (p>0.05) 3)ความสัมพันธ์ของประชากรไรสนิมส้มกับปัจจัยสภาพอากาศ พบว่า ด้านอุณหภูมิและความเร็วลมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน อุณหภูมิ และความเร็วลม มีความสัมพันธ์กับประชากรไรสนิมในระดับต่ำมาก (r=0.13, p=0.70) (-r=0.11, p=0.74) ตามลำดับ ปริมาณน้ำฝน และความชื้นสัมพัทธ์ มีความสัมพันธ์กับประชากรไรสนิมส้มในทิศทางตรงกันข้าม มีความสัมพันธ์ในระดับต่ำมาก (r=-0.11, p=0.74) และต่ำ (r=-0.42, p=0.21) ตามลำดับ และค่า p-value ไม่มีความสัมพันธ์กันทางสถิติ (p>0.05) การศึกษาความสัมพันธ์ของประชากรเพลี้ยไฟกับปัจจัยสภาพอากาศ ด้านอุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน ความชื้นสัมพัทธ์ และความเร็วลม พบว่า อุณหภูมิและความเร็วลมมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน อุณหภูมิและความเร็วลมมีความสัมพันธ์ในระดับต่ำมาก (r=0.02, p=0.93) และ (r=0.22, p=0.53) ตามลำดับ ด้านปริมาณน้ำฝนและความชื้นสัมพัทธ์มีความสัมพันธ์กับประชากรเพลี้ยไฟในทิศทางตรงกันข้าม ความชื้นสัมพัทธ์มีความสัมพันธ์ในระดับปานกลาง (r=-0.66, p=0.03) ปริมาณน้ำฝนความสัมพันธ์ในระดับต่ำมาก (r-0.16, p=0.65) และค่า p-value ไม่มีความสัมพันธ์กันทางสถิติ (p>0.05) ชนิดและปริมาณศัตรูธรรมชาติที่พบในสวนส้มโอทับทิมสยาม ก่อนและหลังฉีดพ่นสาร พบศัตรูธรรมชาติทั้งหมด 5 ชนิด โดยจัดเป็นแมลงในอันดับ Coleoptera มีจำนวน 2 ชนิด คือ ด้วงเต่าลาย (Coccinella septempunctata) และด้วงเต่าตัวห้ำ (Stethorus spp.) มีปริมาณเฉลี่ย 0.32 0.41 ตัวต่อต้น ตามลำดับ อันดับ Odonata มีจำนวน 1 ชนิด คือ แมลงปอบ้าน (Libellulidae) มีปริมาณเฉลี่ย 1.04 ตัวต่อต้น และแมงมุมจำนวน 2 ชนิด คือ แมงมุมใยกลม วงศ์ Araneidae และแมงมุมตาหกเหลี่ยม วงศ์ Oxyopidae มีปริมาณเฉลี่ย 0.02 0.43 ตัวต่อต้น ตามลำดับ ประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการควบคุมจำนวนไรหลังการฉีดพ่นสารครั้งสุดท้าย (ฉีดพ่นทุก7 วัน จำนวน 3 ครั้ง) ทำการทดสอบ 2 ชุดการทดลอง การทดลองชุดที่ 1 ศึกษาในระยะใบ พบว่า กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดี ได้แก่ อมีทราช อะบาเม็คติน สารเฟนไพโรซิเมท ไพริดาเบน โพรพาร์ไกต์ และปิโตรเลียมออยล์ มีประสิทธิภาพของกรรมวิธี 99.34 96.90 94.58 94.18 92.86 88.74 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ รองลงมา คือ สารสกัดจากสะเดา (azadiractin 0.1%) สารชีวภาพ (พด.7) และพ่นน้ำเปล่า มีประสิทธิภาพของกรรมวิธี 83.93 71.82 และ 67.22 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ สำหรับการทดลองชุดที่ 2 ศึกษาในระยะผล พบว่า กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดี ได้แก่ อะบาเม็คติน สารเฟนไพโรซิเมท พริดาเบน โพรพาไกต์ และ อมีทราช มีประสิทธิภาพดีของกรรมวิธี 96.04 95.04 94.59 94.23 90.01 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ รองลงมา คือ สารสกัดจากสะเดา ปิโตรเลียมออยล์ สารชีวภาพ (พด.7) และพ่นน้ำเปล่า มีประสิทธิภาพของกรรมวิธี 86.35 84.95 77.07 และ 73.73 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) ประสิทธิภาพของกรรมวิธีต่อความเสียหายที่เกิดจากการทำลายของไรก่อนและหลังการฉีดพ่นสารครั้งสุดท้าย จากการทดลองชุดที่ 1 ในระยะใบ กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดี ได้แก่ อมีทราช ไพริดาเบน อะบาเม็คติน โพรพาร์ไกต์ ปิโตรเลียมออยล์ สารเฟนไพโรซิเมท มีประสิทธิภาพของกรรมวิธี 97.08 93.66 89.64 88.89 88.46 และ 88.31 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ รองลงมาคือสารสกัดจากสะเดา สารชีวภาพ (พด.7) และพ่นน้ำเปล่า 84.06 77.93และ 71.31 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ สำหรับการทดลองชุดที่ 2 ในระยะผล ประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการป้องกันความเสียหายจากไร พบว่า การใช้ อมีทราช มีประสิทธิภาพดีที่สุด 97.11 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา คือ ไพริดาเบน สารเฟนไพโรซิเมท อะบาเม็คติน โพรพาร์ไกต์ ปิโตรเลียมออยล์ สารสกัดจากสะเดา สารชีวภาพ (พด.7) และพ่นน้ำเปล่า มีประสิทธิภาพของกรรมวิธี 93.98 93.66 90.04 89.72 88.53 81.98 และ 71.81 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) ประสิทธิภาพของกรรมวิธีที่มีต่อจำนวนเพลี้ยไฟก่อนและหลังการฉีดพ่นสารครั้งสุดท้าย ทำการทดลอง 2 ชุดการทดลอง การทดลองชุดที่ 1 ทดสอบในระยะใบ พบว่า กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดี ได้แก่ อะบาเมคติน อิมิดาโคลปิด ปิโตรเลียมออยล์ผสมสารสกัดเมล็ดสะเดาไทย ปิโตรเลียมออยล์ผสมยาสูบ สารสกัดจากเมล็ดสะเดาไทย ปิโตรเลียมออยล์ ยาสูบ และการฉีดพ่นด้วยน้ำ ซึ่งมีประสิทธิภาพคิดเป็น 98.67 95.54 89.53 88.14 86.14 84.56 77.19 และ 76.69 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) การทดลองชุดที่ 2 ทดสอบในระยะผล พบว่า กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด ได้แก่ อิมิดาโคลปิด และอะบาเม็คติน ซึ่งมีประสิทธิภาพคิดเป็น 100 และ 93.55 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ รองลงมา คือ ปิโตรเลียมออยล์ผสมสารสกัดเมล็ดสะเดาไทย ปิโตรเลียมออยล์ ปิโตรเลียมออยล์ผสมยาสูบ สารสกัดจากเมล็ดสะเดาไทย ยาสูบ และการฉีดพ่นด้วยน้ำ ซึ่งมีประสิทธิภาพคิดเป็น 76.51 74.30 73.65 73.41 68.46 และ 63.48 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) ประสิทธิภาพของกรรมวิธีที่มีต่อเปอร์เซ็นต์ความเสียหายที่เกิดจากการทำลายของเพลี้ยไฟก่อนและหลังการฉีดพ่นสารครั้งสุดท้าย การทดลองชุดที่ 1 ในระยะใบ กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดี ได้แก่ อะบาเมคติน และ อิมิดาโคลปิด มีประสิทธิภาพ 96.12 และ 87.77 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ รองลงมา คือ ปิโตรเลียมออยล์ผสมยาสูบ ปิโตรเลียมออยล์ผสมสารสกัดเมล็ดสะเดาไทย สารสกัดจากเมล็ดสะเดาไทย ปิโตรเลียมออยล์ ยาสูบ และ การฉีดพ่นด้วยน้ำ มีประสิทธิภาพ 77.22 74.19 70.21 67.67 67.13 และ 60.94 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) สำหรับการทดลองชุดที่ 2 ในระยะผล กรรมวิธีที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด ได้แก่ อิมิดาโคลปิด และ อะบาเมคติน มีประสิทธิภาพ 97.98 และ 87.79 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ รองลงมา คือ ปิโตรเลียมออยล์ผสมสารสกัดเมล็ดสะเดาไทย สารสกัดจากเมล็ดสะเดาไทย ปิโตรเลียมออยล์ผสมยาสูบ ปิโตรเลียมออยล์ ยาสูบ และ การฉีดพ่นด้วยน้ำ มีประสิทธิภาพ 76.65 73.02 72.92 71.53 69.39 และ 64.78 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ผศ. ทิพาวรรณ ทองเจือ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 70 |
2 | ผศ. จรัญ ทองเจือ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 30 |