โครงการวิจัย
การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในรูปแบบอนุภาคนาโน เพื่อควบคุมเชื้อ Aeromonas spp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline ในปลานิล (Oreochromis niloticus)
Development of Herbal Nanoparticle Products as Control Tool against Tetracycline-Resistant Aeromonas spp. in Nile Tilapia (Oreochromis niloticus)
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2561 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการย่อย |
โครงการหลัก (Master Project) | อุบัติการณ์เชิงฤดูกาลของโรค Motile Aeromonas Septicaemia (MAS) และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการควบคุมเชื้อ Aeromonas spp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline ในการเลี้ยงปลานิล (Oreochromis niloticus) ทางภาคใต้ของไทย |
ประเภทงานวิจัย | |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2560 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2562 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2560 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณแผ่นดิน |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในรูปแบบอนุภาคนาโน เพื่อควบคุมเชื้อ Aeromonas spp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline ในปลานิล (Oreochromis niloticus) Development of Herbal Nanoparticle Products as Control Tool against Tetracycline-Resistant Aeromonas spp. in Nile Tilapia (Oreochromis niloticus) ลักษณะโครงการ (กรุณาทำเครื่องหมาย √ ในช่อง ) ชุดโครงการ โครงการย่อยภายใต้ชุดโครงการ อุบัติการณ์เชิงฤดูกาลของโรค Motile Aeromonas Septicaemia (MAS) และการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการควบคุมเชื้อ Aeromonas spp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะกลุ่ม Tetracycline ในการเลี้ยงปลานิล (Oreochromis niloticus) ทางภาคใต้ของไทย Seasonal Occurrence of Motile Aeromonas Septicaemia (MAS) and Innovation Development as Control Tool against Tetracycline-Resistant Aeromonas spp. in Nile Tilapia (Oreochromis niloticus) Cultured in Southern Thailand โครงการเดี่ยว 2. วัตถุประสงค์โครงการ 2.1 เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรผสมในรูปแบบนาโนพาร์ติเคิลเพื่อความคุมโรค Motile Aeromonas Septicaemia (MAS) ในปลานิล 2.2 เพื่อศึกษากระบวนการผลิตอนุภาคนาโนพาร์ติเคิลของผลิตภัณฑ์สมุนไพรผสมเพื่อความคุมโรค MAS 2.3 เพื่อศึกษาความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สมุนไพรผสมในรูปแบบนาโนพาร์ติเคิลเพื่อความคุมโรค Motile Aeromonas Septicaemia (MAS) ในปลานิล 3. ขอบเขตการวิจัย งานวิจัยนี้แบ่งการศึกษาออกเป็น 2 ช่วงการศึกษา ได้แก่ การศึกษาในปีที่ 1 เป็นการศึกษาวิธีการสกัด และประสิทธิภาพการสกัดสารสกัดหยาบจากสมุนไพรที่สนใจ จำนวน 4 ชนิด โดยเปรียบเทียบสัดส่วนที่เหมาะสมจากวิธีการสกัดที่ได้มีการศึกษาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งประสิทธิภาพของวิธีสกัดจะมุ่งเน้น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) วิธีการที่ง่าย 2) ต้นทุนต่ำเหมาะแก่การพัฒนาต่อยอดในระดับอุตสาหกรรม และ 3) ผลผลิตสารสกัดหยาบที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมเชื้อแบคทีเรียก่อโรค MAS โดยเปรียบเทียบกับยาปฏิชีวนะทางการค้า และพัฒนา bio-nanoparticle ในรูปแบบอัลจิเนต-ไคโตซาน โดยประสิทธิภาพของวิธีการผลิตจะให้ความสำคัญกับขนาดของ particle และคุณสมบัติการควบคุมโรค MAS ในปลานิลเป็นสำคัญ การศึกษาปีที่ 2 จะเป็นการศึกษาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์สมุนไพรผสม bio-nanoparticle จาก การศึกษาในปีที่ 1 โดยจะประเมินจากการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของปลานิล อัตราการรอดตายของปลานิลเมื่อได้รับเชื้อ Aeromonas ต่อต้านยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้ยังทำการศึกษาผลกระทบของ bio-nanoparticle ต่อการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพของเนื้อเยื่อปลานิลที่ได้รับ bio-nanoparticle เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 อาทิตย์ เพื่อประเมินความปลอดภัยในการใช้ bio-nanoparticle ในการเพาะเลี้ยงปลาเชิงพานิชต่อไป 4. ผลที่คาดว่าจะได้รับ 4.1 องค์ความรู้ใหม่ในการเข้าใจและการควบคุมโรค MAS จากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่มีการระบาดพื้นที่ภาคใต้ของไทย 4.2 ลดการสูญเสียและเพิ่มรายได้ในการเลี้ยงปลานิลให้แก่เกษตรกร 4.3 ผลงานวิจัยสามารถตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการระดับชาติไม่น้อยกว่า 1 เรื่อง โดยจัดอยู่ใน TCI กลุ่ม 1 เป็นองค์ความรู้ในการวิจัยต่อไปในด้านการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตทางการเกษตรของประเทศไทย กลุ่มเป้าหมาย 1. นักวิชาการในสาขาจุลชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ 2. บุคคลากรในอุตสาหกรรมการผลิต 5. วิธีการดำเนินการวิจัยและสถานที่ทำการทดลอง แนวทางการดำเนินการวิจัย การดำเนินการวิจัยจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงการวิจัย โดยงานวิจัยช่วงแรก (ปีงบประมาณ 2561) ประกอบด้วย การพัฒนาวิธีการสกัดที่เหมาะสมทั้งในแง่ของปริมาณสารสกัดและการคงประสิทธิภาพทางชีวภาพ ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อการปรับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการสกัด พร้อมทั้งตรวจสอบประสิทธิภาพการควบคุมและทำลายเชื้อ Aeromonas spp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะเพื่อสรุปหากระบวนการสกัดที่เหมาะสม จากนั้นจะทำการสกัดให้ได้ปริมาณที่เพียงพอต่อการนำไปศึกษาสัดส่วนการผสมเพื่อเสริมฤทธิ์ในการทำลายเชื้อ Aeromonas ต่อต้านยาปฏิชีวนะ การศึกษาช่วงปีที่ 2 ของการวิจัย (ปีงบประมาณ 2562) เน้นการพัฒนาการศึกษากระบวนการผลิตระบบนำส่งยาในรูปแบบของอนุภาคนาโน โดยศึกษาสัดส่วนที่เหมาะของอัลจิเนตและไคโตซานต่อการผลิตอนุภาค ศึกษาการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของปลานิลต่อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ โดยการพัฒนาสูตรอาหารปลาที่ผสมผลิตภัณฑ์และวัดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของปลานิล รวมถึงอัตราการรอดตายของปลานิลเมื่อได้รับเชื้อแบคทีเรีย Aeromonas spp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ การทดลองที่ 1 การหาสภาวะที่เหมาะสมของการสกัดสารจากสมุนไพรและการประเมินประสิทธิภาพการการทำลายเชื้อ Aeromonas spp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะและการเป็น Antioxidant 1) การเตรียมสมุนไพรและปลาทดลอง ทำการเก็บรวบรวมสมุนไพรทั้ง 6 ชนิด ได้แก่ กระเทียม ฝาง ข่า ดีปลีเชือก โปยกั๊ก และเทียนข้าวเปลือก จากตลาดท้องถิ่นและพื้นที่สวนของเกษตรกรในจังหวัด นครศรีธรรมราช โดยรวบรวมเพียงครั้งเดียวในช่วงหน้าแล้งของปี โดยการเตรียมตัวอย่างสมุนไพรก่อนเข้าสู่กระบวนการสกัด จะทำการหั่นสมุนไพรประมาณ 0.3-0.5 cm อบแห้งที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส จากนั้นนำไปบดให้ละเอียดและร่อนด้วยตะแกรงขนาด 250 Mesh และเก็บที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส จนกว่านำไปสกัด ทำการซื้อลูกปลานิลจากฟาร์มเพราะเลี้ยงของเกษตรกรภายในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยปลาที่ใช้ในการทดลองทั้งหมดจะมาจากการผสมของพ่อแม่พันธุ์เพียงกลุ่มเดียว เมื่อลูกปลาได้ขนาด 5 cm จะนำมาเลี้ยงในบ่อซีเม็นต์ขนาดบรรจุน้ำ 1.5 m3 ภายในโรงเรือนของสาขาประมง คณะเกษตรศาสตร์ ภายใต้ระบบการเลี้ยงโดยใช้อาหาร 5% ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง จนปลานิลมีขนาด 15 cm จึงนำไปทดลอง 2) การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัด นำสมุนไพรอบแห้งที่เตรียมไว้ มาแช่สกัดในตัวทำละลายจำนวน 3 ชนิด คือ น้ำ, น้ำมันพืช และ 95% ethanol แยกเฉพาะส่วนของเหลวที่ได้จากการสกัดจะนำไปกรองด้วยกระดาษกรอง นำกากมาแช่ซ้ำด้วยตัวทำลายชนิดเดิมอีกจนกว่าจะได้สารละลายสกัดใส เพื่อให้การสกัดเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ จากนั้นนำสิ่งสกัด (ของเหลว) จากวิธีการสกัดด้วย 95% ethanol ที่ได้ไประเหยแห้งด้วยเครื่องระเหยสุญญากาศ (rotary evaporator) ในขณะที่สารสกัดด้วยน้ำ นำไประเหิดแห้ง (lyophilization) เพื่อให้ได้สารสกัดหยาบที่แห้งที่สุด เก็บสารสกัดหยาบที่ได้ใส่ภาชนะปิดสนิท เก็บที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส เพื่อใช้ทดสอบการออกฤทธิ์ทางชีวภาพต่อไป (Natarajan et al., 2005) ซึ่งการศึกษาจะโดยมุ่งเน้นเปอร์เซ็นต์การสกัดสารสกัดและคุณสมบัติการทำลายเชื้อแบคทีเรีย Aeromonas spp. เป็นสำคัญ 3) ทดสอบฤทธิ์การยับยั้งแบคทีเรีย Aeromonas sp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะ การทดสอบประสิทธิภาพการเป็นสาร antioxidant โดยการทดสอบ DPPH scavenging activity ตามวิธีการของ Garcia และคณะ (2012) การทดสอบฤทธิ์การยับยั้งแบคทีเรีย Aeromonas spp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะ การเตรียมเชื้อแบคทีเรียก่อโรค เชื้อ Aeromonas spp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะ จำนวน 10 ไอโซเลท ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคในปลานิลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้จากการเก็บตัวอย่างปลานิลป่วยในพื้นที่ภาคใต้และจากโครงการย่อยที่ 1 มาบ่มไว้ในอุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส จากนั้นนำไปเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อ trypticase soy agar (TSA) บ่มไว้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง นำเชื้อที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วมาทำสารละลายด้ายน้ำเกลือ 0.85% เชื้อ Aeromonas spp. ให้มีมีปริมาณเซลล์แบคทีเรีย 108 เซลล์ต่อมิลลิลิตรโดยการวัดค่า Optical density (OD) เท่ากับ 0.15 ด้วยเครื่อง spectrophotometer ที่ความยาวคลื่น 540 นาโนเมตร ก่อนนำไปทดสอบด้วยสารสกัดหยาบ การเตรียมสารละลายสกัดหยาบ นำสารสกัดหยาบที่เตรียมได้จากขั้นตอนที่ 2) มาชั่งในปริมาณ 0.1 กรัม ละลายในตัวทำละลาย (ชนิดนั้น ๆ) 5 มิลลิลิตร นำไปปั่นเหวี่ยงจนเนื้อสารละลาย เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส ก่อนนำไปทดสอบประสิทธิภาพการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ด้วยวิธี disc diffusion method และนำสารสกัดที่มีประสิทธิภาพสูงสุด จำนวน 3 สิ่งสกัด มาผสมเพื่อหาสัดส่วนการผสมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมเชื้อ Aeromonas spp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ ซึ่งประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพรผสมจะนำมาทดสอบด้วยวิธี disc diffusion method เช่นเดียวกัน Disc diffusion method สำหรับการศึกษาเชื้อ Aeromonas spp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ 1. การเตรียม stock นำสารกัดหยาบหรือสารสกัดผสมที่เตรียมไว้เตรียมให้ได้ความเข้มข้นจากน้อยไปมาก ประมาณ 6-7 ความเข้มข้น โดยวิธี two-fold dilution method 2. การเตรียม sensitivity disc นำสารสกัดที่เตรียมไว้ในแต่ละความเข้มข้น ปริมาตร 25 ไมโครลิตร หยดลงบนกระดาษทดสอบ ที่ปลอดเชื้อ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 มิลลิเมตร แล้วบ่มที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส นาน 5 นาทีในตู้ปลอดเชื้อ จะได้ sensitivity disc ที่พร้อมจะใช้งาน 3. การดำเนินการทดลอง นำสารละลายเชื้อแบคทีเรีย Aeromonas spp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ไอโซเลท ที่เตรียมไว้จากขั้นตอนที่ 12.2.3 มาเกลี่ย (swap) บนอาหารเลี้ยงเชื้อ ทิ้งไว้จนหน้าอาหารแห้ง วาง sensitivity disc ลงบนอาหาร นำไปบ่มที่อุณหภูมิ 33 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 24 ชั่วโมง บันทึกผลโดยการวัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของ inhibition zone (Islam et al., 2008) การทดลองที่ 2 การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิต crude extracted nanoparticle การพัฒนา crude extracted nanoparticle สามารถทำได้หลายรูปแบบ โดยรูปแบบที่เหมาะสม และมีการคงตัวสูง ได้แก่ Combined Chatisan-alginate nanoparticle 1) กระบวนการผลิต crude extractedbio-nanoparticle ชนิด Combined Chatisan-alginate nanoparticle ด้วยวิธีอิมัลชันชนิดน้ำมันในน้ำ/การก่อเกิดเจล (modified emulsification/gelation, O/W) ดัดแปลงจาก Lertsutthiwong และคณะ (2008, 2009) โดยทำการศึกษาสัดส่วนของ chitosan/alginate ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการผลิต crude extracted bio-nanoparticle โดยกำหนดชุดการทดลองดังนี้ T1 สัดส่วน crude extracted/chitosan/alginate 0.1:0:1 w/w T2 สัดส่วน crude extracted/chitosan/alginate 0.1:0.025:1 w/w T3 สัดส่วน crudeextracted/chitosan/alginate 0.1:0.05:1 w/w T4 สัดส่วน crudeextracted/chitosan/alginate 0.1:0.1:1 w/w โดยมีวิธีการพื้นฐานโดยสังเขปดังนี้อิมัลชัน O/W เตรียมจากการหยดสารละลายปริมาตร 0.6 ml ของ น้ำมันมะกอกในเอทิลแอลกอฮอล์ (2% v/v) และ glucan ลงในวัฏภาคน้ำของสารละลาย alginate (0.6 mg/ml) และ chitosan ที่มี 1% Tween 80®ทำให้กระจายตัวด้วย sonicator 15 นาทีจากนั้นผสมรวมกับ 4 ml สารละลาย CaCl2 (0.67 mg/ml) โดยมีการกวนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 30 นาที จากนั้นผสมรวมกับ 4 ml สารละลาย chitosan ใน 1% (v/v) acetic acid และผสมรวมกับ 4 ml สารละลาย โดยความเข้มข้นของ chitosan จะขึ้นอยู่กับชุดทดลองแต่ละชุดการทดลอง จากนั้นบ่มที่อุณหภูมิเป็นเวลา 12 ชั่วโมง และแยกเอทานอล โดย rotary evaporation ที่ 40 องศาเซลเซียส 20 นาที เก็บ crude extracted bio-nanoparticle ในรูปสารละลายในน้ำกลั่น ที่อุณหภูมิห้องจนกว่าใช้งาน (Lertsutthiwong et al., 2009) 2) การทดสอบคุณสมบัติ crude extracted bio-nanoparticle การวัดขนาดอนุภาค การวัดขนาดของอนุภาค crude extracted bio-nanoparticle โดย Scanning electron microscopy (Huong et al., 2011) การวัดค่าความต่างศักย์ Zeta การวัดค่าความต่างศักย์ Zeta โดย Zetasizer (Malvern Instruments, England) (Lertsutthiwong et al., 2009) การทดลองที่ 3 การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของ crude extracted bio-nanoparticle เลือก crude extracted bio-nanoparticle ที่มีขนาด ไม่เกิน 1000 ไมครอน และมีความต่างศักย์ zeta มากว่า 30 mV หรือต่ำกว่า -30 mV จำนวน 1 รูปแบบจากการเตรียมแต่ละวิธีการออกแบบการทดลองการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน แบบ CRD โดยกำหนดชุดการทดลองดังนี้ T1 0.1 ml ของ PBS (Negative control) T2 0.1 ml 50 µg/ml B-extracted (Sigma) ใน PBS (positive control) T3 0.1 ml 50 µg/ml crude extracted nanoparticle 1 ใน PBS T4 0.1 ml 50 µg/ml crude extracted nanoparticle 2 ใน PBS ปลานิลที่ใช้ในการทดลอง ปลานิลจากฟาร์มเลี้ยงของเกษตรกรภายในจังหวัด นครศรีธรรมราช โดยปลาที่ใช้ในการทดลองทั้งหมดจะมาจากการผสมของพ่อแม่พันธุ์เพียงคู่เดียว เมื่อลูกปลาได้ขนาด 5 cm จะนำมาเลี้ยงในบ่อซีเม็นต์ขนาดบรรจุน้ำ 1.5 m3 ภายในโรงเรือนของสาขาประมง คณะเกษตรศาสตร์ ภายใต้ระบบการเลี้ยงโดยใช้อาหาร 5% ต่อวัน โดยแบ่งให้วันละ 2 ครั้ง จนปลานิลมีขนาด 15 cm จึงจึงทำการสุมปลานิลจำนวน 15 ตัวต่อถัง (200 l) จำนวน 15 ถัง และเลี้ยงปรับพฤติกรรมปลานิลให้คุ้นชินกับถังเลี้ยงเป็นเวลา 14 วัน การทดสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันซึ่งการศึกษาทั้งหมดจะมุ่งเน้นศึกษาการตอบสนองของเซลล์เม็ดเลือดขาวทั้ง cellular response และ immune related gene โดยการศึกษา parameter ที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนอง cellular response จำนวน 3parameters ได้แก่ macrophage peroxidase, macrophage respiratory burst activity (Li et al., 2011), NO production (Cheng et al., 2008) และ immune related gene 3 ยีน ได้แก่ Mx protein, MyD88 และ lysozyme g การเปรียบเทียบการแสดงออกของยีนที่สนใจในเม็ดเลือดขาวปลานิลด้วยเทคนิค qPCR ทำการสกัด RNA จากเนื้อเยื่อไตตอนหน้า โดยนำเนื้อเยื่อไตตอนหน้าของปลานิลที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสาร crude extracted nanoparticle รูปแบบระดับต่าง ๆ เปรียบเทียบระดับการแสดงออกของยีนที่สนใจ โดยนำเนื้อเยื่อไตตอนหน้าของปลานิลมาสกัด total RNA เพื่อนำไปสังเคราะห์ cDNA ด้วยเอนไซม์ SuperScript™ III Reverse Transcriptase (Invitrogen) หลังจากนั้นศึกษาการแสดงออกของยีนที่สนใจด้วย primer ซึ่งออกแบบจากข้อมูลยีนข้างต้นและมียีน B-actin ของปลานิลเป็น internal marker 6. แผนการดำเนินงานโครงการ ระยะเวลาการดำเนินงาน 2 ปี 0 เดือน (ปีงบประมาณ 2561 และ 2562) การดำเนินงาน เดือนที่ 3 6 9 12 15 18 21 24 1. วางแผน เตรียมอุปกรณ์และประสานงานเกษตรกรในพื้นที่เก็บตัวอย่าง 2. การหาสภาวะที่เหมาะสมของการสกัดสารจากสมุนไพร 3. การศึกษาสัดส่วนที่เหมาะสมของสารสกัดผสมและการทดสอบฤทธิ์การยับยั้งแบคทีเรีย Aeromonas ต่อต้านยาปฏิชีวนะ 4. การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการผลิต crude extracted nanoparticle 5. การทดสอบประสิทธิภาพอาหารปลาผสมผลิตภัณฑ์สารสกัดผสมจากสมุนไพรต่อการต่อต้านเชื้อ Aeromonas สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ 6. สรุปรายงานการวิจัย 7. ผลการดำเนินงาน ความก้าวหน้าของการดำเนินการโดยสรุป การทดลองที่ 1 การสกัดสารสกัดสมุนไพรและการทดสอบฤทธิ์ antibacterial activity ต่อเชื้อ Aeromonas sp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ จากการศึกษาฤทธิ์ของสารสกัดสมุนไพรด้วยวิธี disc diffusion method ของสารสกัดสมุนไพรจำนวน 6 ชนิด โดยใช้ตัวทำละลาย 3 ชนิด ได้แก่ น้ำ น้ำมันและ 95% ethanol ในการควบคุมเชื้อ Aeromonas sp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ (ต่อต้านยา oxytetracycline และ tetracycline) พบว่าสมุนไพรแต่ละชนิดมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อได้ไม่เท่ากัน โดยส่วนใหญ่สารสกัดที่ได้จากการใช้ ethanol มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย Aeromonas spp. ต่อต้านยาปฏิชีวนะได้ (ตารางที่ 1) นอกจากนี้ได้ศึกษาเชิงลึกเพื่อหาค่าความเข้มข้นน้อยที่สุดของสารสกัดสมุนไพรในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย (minimum inhibitory concentration, MIC) และ ค่าความเข้มข้นน้อยที่สุดของสารสกัดสมุนไพรในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย (minimum bactericidal concentration, MBC) ของสารสกัดสมุนไพรที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ Aeromonas sp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะได้ จากการศึกษาด้วยวิธี broth micro-dilution พบว่าสารสกัดสมุนไพรที่ทดสอบมีค่า MIC ในช่วง 0.469-7.50 mg/ml และ MBC ในช่วง 0.938-15.00 mg/ml โดยสารสกัดจากฝางให้ค่า MIC และ MBC ต่ำสุด (ตารางที่ 2) ตารางที่ 1 Inhibition zone ของสารสกัดสมุนไพรในการยับยั้งเชื้อ Aeromonas sp. สายพันธุ์ต่อต้านยาปฏิชีวนะ Herbal plant/ Antibiotic Extraction solvent Name of herbal extract Inhibition zone diameter (mm) Caesalpinia sappan (Cs) 95% Ethanol (E95) Cs-E95 18.650.60 Water (W) Cs-W 14.630.28 Soybean oil (O) Cs-O ND Allium sativum (As) 95% Ethanol (E95) As-E95 16.750.50 Water (W) As-W ND Soybean oil (O) As-O ND Illicium verum (Iv) 95% Ethanol (E95) Iv-E95 7.170.13 Water (W) Iv-W 7.830.33 Soybean oil (O) Iv-O ND Alpinia galanga (Ag) 95% Ethanol (E95) Ag-E95 10.980.28 Water (W) Ag-W ND Soybean oil (O) Ag-O ND Piper longum (Pl) 95% Ethanol (E95) Pl-E95 ND Water (W) Pl-W ND Soybean oil (O) Pl-O ND Foeniculum vulgare (Fv) 95% Ethanol (E95) Fv-E95 ND Water (W) Fv-W ND Soybean oil (O) Fv-O ND Tetracycline (TE, 30 μg) 10.230.15 หมายเหตุ ND คือ ไม่สามารถตรวจวัดได้ ตารางที่ 2 ค่าความเข้มข้นต่ำสุดของสารสกัดสมุนไพรในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย (MIC) และค่าความเข้มข้นต่ำสุดของสารสกัดสมุนไพรในการฆ่าแบคทีเรีย (MBC) Name of the potent herbal extract/Antibiotic MIC MBC Cs-E95 0.469mg/ml 1.875 mg/ml Cs-W 0.469 mg/ml 0.938 mg/ml As-E95 1.875 mg/ml 7.50 mg/ml Iv-E95 7.50 mg/ml 15.00 mg/ml Iv-W 7.50 mg/ml 15.00 mg/ml Ag-E95 1.875 mg/ml 7.50 mg/ml การทดลองที่ 2 การเตรียม nanoparticle และการศึกษาการยอมรับสมุนไพรในปลานิล สมุนไพรที่สนใจในการนำมาศึกษาต่อ คือ สารสกัดฝางและกระเทียมที่สกัดด้วย ethanol ซึ่งได้ทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ Aeromonas sp. พบว่า สารผสมในสัดส่วน 1:1 สามารถยับยั้งเชื้อได้ดี โดยในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการผลิตและศึกษา nonoparticle ของสารสกัดสมุนไพร นอกจากนี้ยังได้ทดสอบการยอมรับสารสกัดสมุนไพร โดยเบื้องต้นได้ผสมสารสกัดสมุนไพรในอาหารแล้วทดสอบการเจริญเติบโตและการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันโดยศึกษาค่าพารามิเตอร์เลือด พบว่า ปลานิลยอมรับอาหารผสมสารสกัดสมุนไพรได้ โดยไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต อีกทั้งยังมีค่าพารามิเตอร์เลือดสูงกว่าปลาที่ได้รับอาหารชุดควบคุม (ไม่มีสมุนไพร) 6. ปัญหา/อุปสรรค ไม่มี 7. ความต้องการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผน ไม่มี 8. ข้อเสนอแนะอื่น ๆ ไม่มี |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | มณี ศรีชะนันท์ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 60 |
2 | นิอร จิรพงศธรกุล | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
3 | ดร. กิตติชนม์ อุเทนะพันธุ์ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |