โครงการวิจัย
การจัดการที่เหมาะสมในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูส้มจุกในจังหวัดสงขลา
Appropriate Management for Control Insect Pest of Neck Orange (Citrus reticulate Blanco) in Songkhla Province
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2561 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการย่อย |
โครงการหลัก (Master Project) | การวิจัยและพัฒนาส้มจุกเพื่ออนุรักษ์พันธุ์พืชท้องถิ่นจังหวัดสงขลา |
ประเภทงานวิจัย | โครงการพื้นฐาน |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2560 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2561 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 มกราคม 2560 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณแผ่นดิน |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | การศึกษาประชากร หนอนเจาะลาต้น หนอนชอนใบ แมลงวันทอง และหนอนแก้วส้ม ความเสียหายที่เกิดจากการทาลายของแมลง ความสัมพันธ์ของประชากรแมลงกับปัจจัยสภาพอากาศและประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการควบคุมแมลงศัตรูในสวนส้มจุก เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสาหรับการตัดสินใจการจัดการศัตรูพืชที่เหมาะสม ดาเนินการในสวนส้มจุก อายุ 7 10 ปี ในอาเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ระหว่างเดือน มกราคม 2561 พฤศจิกายน 2562 ความเสียหายที่เกิดจากหนอนเจาะลาต้นส้มจุก โดยในปี 2561 และปี 2562 พบความเสียหายมากที่สุดเดือน กันยายน เฉลี่ย 1.13 ต้น/รู และพบหนอนชอนใบชนิด Phyllocnistis citrella Stainton โดยในปี 2561 พบจานวนหนอนชอนใบมากที่สุดเดือนเมษายน เฉลี่ย 2.39 ตัว/ยอด ความเสียหายเฉลี่ย 16.67 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2562 พบจานวนมากที่สุด เดือน เมษายน เฉลี่ย 2.39 ตัว/ยอด และความเสียหายเฉลี่ย 16.67 เปอร์เซ็นต์ ชนิดแมลงวันทองที่พบในสวนส้มจุก 4 ชนิด ได้แก่ Bactrocera dorsalis, B. papayae B. correcta และ B. carambolae ในปี 2561 พบจานวนแมลงวันทองมากที่สุดเดือนธันวาคม เฉลี่ย 23.27 ตัว/กับดัก ความเสียหายเฉลี่ย 20.33 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2562 พบจานวนแมลงวันทองมากที่สุดเดือนมกราคม เฉลี่ย 25.94 ตัว/กับดัก และความเสียหายเฉลี่ย 20.33 เปอร์เซ็นต์ สาหรับหนอนแก้วส้มพบชนิด Papilio demoleus malayanus wall ในปี 2561 พบจานวนหนอนแก้วส้มมากที่สุด ในเดือนเมษายน เฉลี่ย 0.20 ตัว/ยอด ความเสียหายเฉลี่ย 1.73 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2562 พบหนอนแก้วส้มมากที่สุดเดือนตุลาคม เฉลี่ย 2.14 ตัว/ยอด ความเสียหายเฉลี่ย 5.22 เปอร์เซ็นต์ ความสัมพันธ์ของประชากรหนอนชอนใบ แมลงวันทอง และหนอนแก้วส้ม กับปัจจัยสภาพอากาศ จากการศึกษาความสัมพันธ์ของประชากรหนอนชอนใบกับปัจจัยสภาพอากาศ พบว่า อุณหภูมิ และความเร็วลม มีความสัมพันธ์กับประชากรหนอนชอนใบ ในทิศทางตรงกันข้าม ในระดับต่ามาก 0.18, p=0.51 และ 0.24, p=0.57 ตามลาดับ ปริมาณน้าฝน และความชื้นสัมพัทธ์ มีความสัมพันธ์กับประชากรหนอนชอนใบในทิศทางเดียวกัน ปริมาณน้าฝนมีความสัมพันธ์ในระดับต่ามาก r=0.20, p=0.45 ความชื้นสัมพัทธ์มีความสัมพันธ์ในระดับปานกลาง r=0.56, p=0.13 ส่วนความสัมพันธ์ของประชากรแมลงวันทองกับปัจจัยสภาพอากาศ พบว่า อุณหภูมิ และความเร็วลม มีความสัมพันธ์กับประชากรแมลงวันทองในทิศทางตรงกันข้าม มีความสัมพันธ์ในระดับต่ามาก 0.28, p=0.52 และ 0.14, p=0.34 ปริมาณน้าฝน และความชื้นสัมพัทธ์ มีความสัมพันธ์กับประชากรแมลงวันทองในทิศทางเดียวกัน ปริมาณน้าฝนมีความสัมพันธ์ในระดับปานกลาง (r=0.56, p=0.14) ความชื้นสัมพัทธ์มีความสัมพันธ์ในระดับต่ามาก r=0.09, p=0.74 สาหรับความสัมพันธ์ของประชากรหนอนแก้วส้มกับปัจจัยสภาพอากาศ พบว่า อุณหภูมิ และความเร็วลม มีความสัมพันธ์กับประชากรหนอนแก้วส้มในทิศทางตรงกันข้าม อุณหภูมิ มีความสัมพันธ์ในระดับต่า 0.48, p=0.32 และความเร็วลมมีความสัมพันธ์ในระดับต่ามาก 0.34, p=0.48 ตามลาดับ ปริมาณน้าฝน และความชื้นสัมพัทธ์ มีความสัมพันธ์กับประชากรหนอนแก้วส้มในทิศทางเดียวกัน ปริมาณน้าฝน และความชื้นมีความสัมพันธ์ในระดับต่า r=0.11, p=0.82 และ r=0.09, p=0.76 ตามลาดับ ค ประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการป้องกันกาจัดหนอนเจาะลาต้น ก่อนและหลังการใช้สารชีวภัณฑ์ สารฆ่าแมลง และน้ามัน และชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) พบว่า ก่อนการฉีดพ่นสารทุกกรรมวิธี พบจานวนรูเจาะไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ หลังการฉีดสารครั้งที่ 4 พบว่า ชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) มีค่าเฉลี่ยจานวนรูเจาะเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ 3.50 รู/ต้น บาซิลัสทูริงเจนซิส คลอไพรีฟอส การฉีดด้วย ไดคลอร์วอส และน้ามันเบนซิน มีจานวนรูเจาะเฉลี่ย 1.00 1.00 0.75 และ 0.00 รู/ต้น ตามลาดับ เปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) สาหรับประสิทธิภาพของกรรมวิธีเปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) พบว่า การใช้น้ามันเบนซิน มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ 100 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ ไดคลอร์วอส บาซิลัสทูริงเจนซิส และคลอไพริฟอส มีประสิทธิภาพ 75.51 68.47 และ 64.84 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ ประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการป้องกันกาจัดหนอนชอนใบประสิทธิภาพของกรรมวิธีเปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) พบว่า การใช้ อิมิดาโคลปิด มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ 83.61 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ ไซฟลูธริน น้ามันปิโตรเลียม ยาสูบ และสารสกัดจากสะเดาไทย เฉลี่ย 75.59 69.36 67.09 และ 33.20 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ ประสิทธิภาพของกรรมวิธีที่มีต่อเปอร์เซ็นต์ความเสียหายจากการทาลายของหนอนชอนใบ พบว่า การใช้ อิมิดาโคลปิด มีประสิทธิภาพของกรรมวิธีดีที่สุด คือ 84.51 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ ไซฟลูธริน น้ามันปิโตรเลียม ยาสูบ และสารสกัดจากสะเดาไทย เฉลี่ย 80.43 73.84 69.49 และ 55.47 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ ประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการป้องกันกาจัดแมลงวันทอง ประสิทธิภาพของกรรมวิธีเปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) พบว่า การห่อผลมีประสิทธิภาพของกรรมวิธีดีที่สุด คือ 97.61 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ การฉีดพ่นด้วยอะบาเมกติน คาร์โบซันแฟน อิมิดาโคลปิด ปิโตรเลียมออยล์ สารสกัดจากสะเดาไทย และสารสกัดจากข่า มีประสิทธิภาพของกรรมวิธี 92.14 91.51 87.38 65.59 58.27 และ 49.17 เปอร์เซ็นต์ ประสิทธิภาพของกรรมวิธีที่มีต่อเปอร์เซ็นต์ความเสียหายจากการทาลายของแมลงวันทอง พบว่า การห่อผลมีประสิทธิภาพของกรรมวิธีดีที่สุด คือ 96.16 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ การฉีดพ่นด้วยอะบาเมกติน คาร์โบซันแฟน อิมิดาโคลปิด ปิโตรเลียมออยล์ สารสกัดจากสะเดาไทย และสารสกัดจากข่า มีประสิทธิภาพของกรรมวิธี 88.92 88.48 83.30 55.69 46.67 และ 32.00 เปอร์เซ็นต์ สาหรับคุณภาพทางกายภาพของผลส้มจุก จากการศึกษาการห่อผล สารสกัดจากพืช สารชีวภัณฑ์ และสารฆ่าแมลงในการป้องกันกาจัดแมลงวันทองที่มีต่อคุณภาพทางกายภาพของผลส้มจุกในระยะเก็บเกี่ยว (8 เดือน) พบว่าชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผลน้อยที่สุด 5.2 เซนติเมตร ส่วนกรรมวิธีอื่นๆ มีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางไม่แตกต่างกันทางสถิติอยู่ระหว่าง 6.4--7.0 เซนติเมตร ส่วนเส้นรอบวงของผลส้มจุก ชุดควบคุมมีขนาดเส้นรอบวงน้อยที่สุด 19.66 ในขณะที่กรรมวิธีอื่นๆ มีขนาดเส้นรอบวงที่มากกว่าอยู่ระหว่าง 20.39--21.45 เซนติเมตร ส่วนน้าหนักของผลพบว่าชุดควบคุมให้น้าหนักของผลต่าสุด 198 กรัมในขณะที่กรรมวิธีอื่นๆให้น้าหนักผลไม่แตกต่างกันทางสถิติ อยู่ระหว่าง 239--250 กรัม ด้านความหนาของเปลือก ทุกกรรมวิธีไม่แตกต่างกันทางสถิติ โดยที่ความหนาของเปลือกอยู่ระหว่าง 0.3--0.4 เซนติเมตร ประสิทธิภาพของกรรมวิธีในการป้องกันกาจัดเพลี้ยหอย ประสิทธิภาพของกรรมวิธีเปรียบเทียบกับชุดควบคุม (ไม่ใช้สาร) พบว่า การใช้ ไซฟลูธริน มีประสิทธิภาพดีที่สุด คิดเป็น 77.39 เปอร์เซ็นต์ รองลงมา คือ อิมิดาโคลปิด ปิโตรเลียมออยล์ สารสกัดจากเมล็ดสะเดาไทย และยาสูบ ซึ่งมีประสิทธิภาพคิดเป็น 70.82 29.68 26.13 และ 9.98 เปอร์เซ็นต์ ตามลาดับ |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ผศ. ทิพาวรรณ ทองเจือ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 70 |
2 | ผศ. จรัญ ทองเจือ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 30 |