ปีงบประมาณ |
2562 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ |
|
ลักษณะโครงการ |
โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ |
โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย |
โครงการพื้นฐาน |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) |
1 ตุลาคม 2561 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) |
30 กันยายน 2562 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) |
1 ตุลาคม 2561 |
ประเภททุนวิจัย |
งบประมาณรายได้ |
สถานะโครงการ |
สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา |
ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม |
ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ |
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาตำรับยาสมุนไพรรักษาโรคโลหิตระดูสตรี กรณีศึกษาหมอพื้นบ้านในจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง และตรัง โดยใช้แบบสอบถามกึ่งโครงสร้าง สัมภาษณ์หมอพื้นบ้านจำนวน 3 คน ผลการศึกษาในครั้งนี้ได้รวบรวมตำรับยารักษาโรคโลหิตระดูสตรีได้ทั้งหมด 13 ตำรับ ซึ่งเป็นตำรับยาที่หมอพื้นบ้านยังใช้รักษาผู้ป่วย แบ่งตำรับยาเป็น 4 กลุ่มอาการ ได้แก่ ประจำเดือนขาด ปวดประจำเดือน ตกขาวผิดปกติ และวัยทอง มีตำรับยารักษาประจำเดือนขาดมากที่สุด 5 ตำรับ รองลงมาคือ ปวดประจำเดือน 4 ตำรับ วิธีปรุงยามี 3 วิธี วิธีที่นิยมใช้มากที่สุดคือการต้มน้ำดื่ม 8 ตำรับ สำหรับสมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบในตำรับยามีทั้งหมด 88 ชนิด จัดเป็นพืชวัตถุมากที่สุดจำนวน 83 ชนิด พืชสมุนไพรที่มีค่าการใช้มากที่สุดคือ ขิง รองลงมาคือ ขมิ้นอ้อย และจันทน์เทศ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าหมอพื้นบ้านยังคงมีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคโลหิตระดูสตรี
คำสำคัญ: โรคโลหิตระดูสตรี ตำรับยาสมุนไพร หมอพื้นบ้าน
|
รายละเอียดการนำไปใช้งาน |
สรุปผลการวิจัย
การศึกษาในครั้งนี้รวบรวมตำรับยารักษาโรคโลหิตระดูสตรีจากหมอพื้นบ้าน 3 คน หมอพื้นบ้านให้ความสำคัญกับการวินิจฉัยโรคจากการซักประวัติเป็นหลัก และจ่ายยาซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่ได้รับการสืบทอดกันมาหรือจากประสบการณ์ในการรักษา สำหรับตำรับยารวบรวมได้จำนวนทั้งหมด 13 ตำรับ ประกอบด้วยสมุนไพรรวม 88 ชนิด ใช้สำหรับรักษาโรคประจำเดือนขาด ปวดประจำเดือน ตกขาวผิดปกติ และวัยทอง ซึ่งเป็นโรคที่ผู้ป่วยยังคงเข้ารับการรักษากับหมอพื้นบ้านเป็นประจำ อย่างไรก็ตามตำรับยาเหล่านี้ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาประสิทธิผลอย่างเป็นรูปธรรม องค์ความรู้เหล่านี้จะเกิดประโยชน์สืบต่อไปอีกมาก หากนำไปศึกษาต่อยอดองค์ความรู้ในด้านต่างๆ เช่น การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์เพศหญิง การศึกษาสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ การศึกษาทางคลินิก เป็นต้น เพื่อเป็นการพัฒนาองค์ความรู้การแพทย์พื้นบ้านต่อไป
|
เอกสาร Final Paper(s) |
|