การศึกษาภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านด้านการรักษาโรคหอบหืด

A Study of Traditional Healer’s Wisdom of Asthma Treatment

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2562
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการพื้นฐาน
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2561
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2562
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2561
ประเภททุนวิจัย งบประมาณรายได้
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ งานวิจัยเรื่อง การศึกษาภูมิปัญญาของหมอพื้นบ้านด้านการรักษาโรคหอบหืด โดยหมอพื้นบ้านในภาคใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมศึกษาและวิเคราะห์ภูมิปัญญาการนำสมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรคของหมอพื้นบ้านพื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก คัดเลือกหมอพื้นบ้านตามวัตถุประสงค์ ร่วมกับการสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง และนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์ผลเชิงพรรณนา ผลการศึกษาพบว่ามีหมอที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกทั้งหมด 5 คน มีภูมิปัญญาในการรักษาโรคด้วยวิธีทางการแพทย์แผนไทย ซึ่งได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ รักษาโดยการจ่ายยาสมุนไพร รวบรวมตำรับยารักษาหอบหืดได้ทั้งสิ้น 14 ตำรับ และตัวยาอีก 5 ชนิด เป็นยาสมุนไพรหลายชนิดประกอบด้วยสมุนไพรพืชวัตถุทั้งหมด 53 ชนิด สัตว์วัตถุ 4 ชนิด ธาตุ 4 ชนิด รวมจำนวนสมุนไพรที่หมอทั้ง 5 คนใช้ได้ 61 ชนิด วงศ์ของพืชสมุนไพรมีทั้งหมด 32 วงศ์ วงศ์ที่ใช้มากที่สุดคือ Umbelliferae และ Piperaceae จำนวน 8 ชนิด ลักษณะวิสัยของพืชสมุนไพรที่ใช้มากที่สุดคือ ไม้ล้มลุก จำนวน 18 ชนิด รสยาที่นำมาใช้มากที่สุดคือ รสเผ็ดร้อน จำนวน 15 ชนิด ส่วนที่ใช้มากที่สุดของพืชสมุนไพรคือ เมล็ดและผล จำนวน 13 ชนิด และสมุนไพรส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาโรคหอบหืด โดยออกฤทธิ์ต้านการอักเสบของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ คำสำคัญ: ภูมิปัญญา หอบหืด หมอพื้นบ้าน
รายละเอียดการนำไปใช้งาน จากผลการศึกษาภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรในการรักษาโรคหอบหืดของหมอพื้นบ้านสามารถอภิปรายผลแยกตามประเด็นและสรุปผลได้ดังนี้ การคัดเลือกหมอพื้นบ้านมีวิธีการคัดเลือกตามเกณฑ์หรือตามวัตถุประสงค์โดยคัดเลือกหมอพื้นบ้าน ในภาคใต้ฝั่งตะวันออกมี 3 คน คือหมอแฉล้ม มงคล หมอประยุทธ์ บุญยัง และหมอเจริญ เมืองแก้ว ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มี 2 คนคือหมอทวี หมันหมาด และนายอ้วน ทักถาม โดยหมอแต่ละท่านมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ได้รับการยอมรับจากชุมชนและอนุญาตให้ผู้วิจัยทำการเก็บข้อมูลภูมิปัญญาสอดคล้องกับการศึกษาหมอพื้นบ้านในจังหวัดพัทลุง ได้กล่าวว่าหมอแต่ละคนมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ได้รับการยอมรับจากชุมชน (กุสุมาลย์, 2561) หมอพื้นบ้านในภาคใต้ฝั่งตะวันออกมี 3 คน ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มี 2 คน เปรียบเทียบทั้ง 2 พื้นที่แล้ว หมอพื้นบ้านทั้ง 5 คนได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษทั้งหมดและมาศึกษาเพิ่มเติมด้วยตัวเอง ในส่วนของศาสนามีทั้งศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ ซึ่งหมอทวี หมันหมาดอยู่ในภาคใต้ฝั่งตะวันตกนับถือศาสนาอิสลาม และหมอที่เหลือทั้ง 4 คน นับถือศาสนาพุทธ ทั้งนี้หมอเจริญซึ่งนับถือศาสนาพุทธแต่ในบริเวณที่หมออาศัยอยู่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามจึงทำให้การรักษาของหมอแต่ละคนมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมและความเชื่อ สอดคล้องกับการศึกษาเรื่องภูมิปัญญาการรักษาโรคมะเร็งของหมอพื้นบ้าน: กรณีศึกษาหมอพื้นบ้าน 4 ราย พบว่าหมอพื้นบ้านทุกคนสืบทอดภูมิปัญญาความรู้จากบรรพบุรุษ (สิริรัตน์, 2560) อายุของหมอแต่ละคนมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จึงมีประสบการณ์และรักษาโรคได้หลากหลายระบบไม่ว่าจะเป็นระบบขับถ่าย ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบกล้ามเนื้อและระบบทางเดินหายใจซึ่งหมายรวมถึงโรคหอบหืดสอดคล้องกับการศึกษาเรื่องบันทึกภูมิปัญญา: พ่อใหญ่หมอพรมมา แสงชมพู หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ผู้สืบสานภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านอีสานแห่งภูผาผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ หมอหนึ่งคนสามารถรักษาได้หลายโรคเช่นเดียวกัน (วิชัย, 2559) บริบทภาคใต้ฝั่งตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกทำให้มีความแตกต่างกันในด้านการรักษาโรคและการใช้สมุนไพร จากที่เห็นได้ชัดคือหมออ้วน ทักถาม มีการใช้สัตว์วัตถุเพิ่มขึ้นมาและแตกต่างจากหมอคนอื่นๆ ที่ใช้สมุนไพรอย่างเดียวกัน อธิบายตามเภสัชกรรมไทยแผนโบราณ พบว่ามีการใช้สัตว์วัตถุจำพวกหางนกยูงในการรักษาโรคหอบหืดเช่นเดียวกัน หมอพื้นบ้านทั้ง 5 คน มีความถนัดในการรักษาโรคทั่วไปได้หลายระบบ หนึ่งในนั้นคือระบบทางเดินหายใจ ซึ่งมีโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดรวมอยู่ด้วย ขั้นตอนแรกของการรักษาเป็นการซักประวัติ ตรวจวินิจฉัยทำการรักษา และจ่ายยาสมุนไพร หมอทั้ง 5 คน มีองค์ความรู้ที่คล้ายคลึงกันทั้งความหมายของโรคหอบหืด สาเหตุการเกิดโรค อาการของโรค กลไกการเกิดโรค การรักษาโรคและคำแนะนำล้วนแต่มีความคล้ายคลึงกันสอดคล้องกับการศึกษาเรื่องภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรรักษาโรคโลหิตระดูสตรีของหมอพื้นบ้าน ในจังหวัดกระบี่และสงขลา อธิบายถึงหลักในการตรวจวินิจฉัยของหมอพื้นบ้านจำนวน 11 คน มีความคล้ายคลึงกัน (เกศรินทร์, 2560) จากผลการวิจัยข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ประกอบด้วย กลุ่มของสมุนไพร การระบุชนิดของพืชสมุนไพร วงศ์ของพืชสมุนไพร ลักษณะวิสัยของพืชสมุนไพร รสยาของสมุนไพร และความถี่ของการนำมาใช้ รวมถึงฤทธิ์สมุนไพร พบว่าพืชวัตถุมีการนำมาใช้ในการรักษาโรคมากที่สุดจำนวน 53 ชนิด วงศ์ที่มีการนำมาใช้มากที่สุด คือ Umbelliferae และ Piperaceae จำนวน 8 ชนิด สอดคล้องกับการศึกษาเรื่องภูมิปัญญาการนำสมุนไพรมาใช้รักษาโรคของหมอพื้นบ้าน ในอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง: กรณีศึกษานายรุ่ม เรืองมา พบสมุนไพรวงศ์ Piperaceae มากที่สุดเช่นเดียวกัน (กรกนก, 2559) ลักษณะวิสัยของพืชสมุนไพรที่ใช้มากที่สุด คือไม้ล้มลุก จำนวน 18 ชนิด สอดคล้องกับการศึกษาเรื่องภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรรักษาโรคโลหิตระดูสตรีของหมอพื้นบ้าน ในจังหวัดกระบี่และสงขลา พบว่าไม้ล้มลุกเป็นไม้ขนาดเล็ก สามารถเก็บเกี่ยวมาเตรียมยาได้ง่าย (เกศรินทร์, 2560) รสยาของพืชสมุนไพรที่นำมาใช้มากที่สุดคือ รสเผ็ดร้อน 15 ชนิด สอดคล้องกับการศึกษาเรื่องการสำรวจและรวบรวมพืชวัตถุสำหรับใช้ในการรักษาโรคโลหิตสตรีของหมอไข่ โกสินทร์ ตำบลท่าชะมวง อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา งานวิจัยชิ้นนี้ใช้สมุนไพรรสร้อนมากที่สุดเพราะรสเผ็ดร้อนช่วยขับลมและขับเสมหะ (อภิฤดี, 2561) และส่วนของพืชสมุนไพรที่นำมาใช้มากที่สุดคือ เมล็ดและผล จำนวน 13 ชนิด ยังไม่พบรายงานการใช้พืชส่วนนี้มากที่สุด แต่ในลำดับรองลงมาของหมอใช้เหง้า, หัวตามลำดับซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของเกศรินทร์ พบว่ารากเป็นส่วนของพืชที่นำมาประกอบเป็นยาสมุนไพร เนื่องจากเป็นส่วนที่มีการสะสมของสารสำคัญต่างๆ สำหรับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสมุนไพรส่วนเป็นเป็นฤทธิ์ต้านการอักเสบ จะช่วยลดเสมหะในลำคอและทรวงอก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น สมุนไพรที่หมอแฉล้มและหมอประยุทธ์ใช้ซ้ำกันคือ ใบหนุมานประสานกาย สอดคล้องกับการใช้ใบหนุมานประสานกายในตำรับยาของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ใช้รักษาอาการหอบหืด สมุนไพรที่หมอแฉล้มและหมอประยุทธ์ใช้ซ้ำกันอีกตัวหนึ่งคือ มะเขือขื่น สรรพคุณขับเสมหะ (วุฒิ, 2540) สมุนไพรที่หมอเจริญและหมอทวีใช้ร่วมกันคือ ว่านน้ำ สรรพคุณแก้ปวดกล้ามเนื้อ มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ รักษาโรคหอบหืด (Ahmed S et al., 2014) หมอเจริญและหมอทวีใช้สมุนไพรซ้ำกันอีกตัวหนึ่งคือ สะค้าน สรรพคุณขับลมในลำไส้ (วุฒิ, 2540) ส่วนสมุนไพรอื่นๆ เช่น ไพล พริกไทยดำ ขิง ดีปลี ใบส้มป่อย ส้มกุ้ง ตะไคร้ มีการใช้ที่สอดคล้องกับตัวยาในตำรับยาแก้หอบหืดสูตร 1 ส่วนสมุนไพร โกฐหัวบัว ใบส้มป่อย มีการใช้สอดคล้องกับตัวยาในตำรับยาแก้หอบหืดสูตร 2 เทียนแดง เทียนดำ เทียนตาตั๊กแตน โกฐสอ โกฐเขมา เจตมูลเพลิงแดง ขิง ดีปลี การบูร พริกไทยดำ มีการใช้สอดคล้องกับตัวยาในตำรับยาปราบชมพูทวีป สรรพคุณแก้หวัด ซึ่งเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ (กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, 2561) จะเห็นได้ว่าสมุนไพรที่หมอทั้ง 5 คน ใช้สามารถนำมาใช้ประยุกต์ในการรักษาโรคหอบหืดได้ โรคหอบหืดเป็นกลุ่มอาการโรคเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด เป็นๆ หายๆ อาการจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้น จะทำให้มีอาการคัดจมูก มีเสมหะ หลอดลมตีบตัน หอบหืดจัดอยู่ในคัมภีร์เวชศึกษาได้กล่าวถึงสันตัปปัคคี ศอเสมหะ อุระเสมหะ สิงฆานิกาและปัปผาสัง จากการสำรวจพืชสมุนไพร มีสมุนไพรทั้งหมด 14 ตำรับ และตัวยาอีก 5 ชนิด วงศ์ของพืชสมุนไพรมีทั้งหมด 34 วงศ์ วงศ์ที่ใช้มากที่สุดคือ Umbelliferae และ Piperaceae จำนวน 8 ชนิด ลักษณะวิสัยของพืชสมุนไพรที่ใช้มากที่สุดคือ ไม้ล้มลุก จำนวน 18 ชนิด รสยาที่นำมาใช้มากที่สุดคือ รสเผ็ดร้อน จำนวน 15 ชนิด ส่วนที่ใช้มากที่สุดของพืชสมุนไพรคือ เมล็ดและผล จำนวน 13 ชนิด และสมุนไพรส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาโรคหอบหืด โดยออกฤทธิ์ต้านการอักเสบของอวัยวะในระบบทางเดินหายใจ
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ศรินทร์รัตน์ จิตจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ60
2วสันต์ หะยียะห์ยาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20
3ผศ. สิริรัตน์ เลาหประภานนท์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20

บทความวารสาร

ที่ ชื่อบทความ วารสาร/หนังสือ ที่ตีพิมพ์ ระดับบทความ ฐานข้อมูลที่ตีพิมพ์ วันที่ตีพิมพ์
1การศึกษาตำรับยาสมุนไพรของหมอพื้นบ้านในการรักษาโรคหืดวารสารการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพระดับชาติTCI25 ธันวาคม 2562