โครงการวิจัย
การใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันเป็นวัสดุเพาะสำหรับเพาะเห็ดในถุงพลาสติก
Use of Oil Palm Petioleas a Substrate for Mushroom Cultivation in Plastic Bag
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2562 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการต่อเนื่อง |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | โครงการประยุกต์ |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2561 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2562 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2561 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณแผ่นดิน |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | 9904 |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | ทางใบปาล์มน้ำมันเป็นเศษวัสดุเหลือทิ้งที่ได้จากการตัดทะลายปาล์มน้ำมันระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิต การศึกษาเบื้องต้นพบว่าโคนทางใบปาล์มน้ำมันมีปริมาณธาตุอาหารเพียงพอสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นวัสดุเพาะเห็ดได้ ดังนั้นงานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาอัตราส่วนที่เหมาะสมของการใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันเป็นวัสดุ สำหรับเพาะเห็ดนางรมฮังการี (Pleurotus ostreatus) เห็ดแครง (Schizophyllum commune) และเห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum) ทำการเพาะเห็ดทั้ง 3 ชนิด ในสูตรอาหารโคนทางใบปาล์มน้ำมันอย่างเดียว โคนทางใบปาล์มน้ำมันผสมขี้เลื่อยไม้ยางพารา อัตรา 3 : 1, 1 : 1 และ 1 : 3 โดยน้ำหนัก เปรียบเทียบกับการใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราอย่างเดียว (ชุดควบคุม) ศึกษาระยะเวลาที่เส้นใยเห็ดเจริญเต็มวัสดุเพาะ จำนวนดอก และน้ำหนักผลผลิตเห็ด วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randomized Design; CRD) ผลการศึกษาพบว่า การใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันเป็นวัสดุเพาะเห็ดนางรมฮังการีในทุกอัตรา ทำให้เส้นใยเห็ดนางรมฮังการีเจริญเต็มถุงก้อนเชื้อใช้ระยะเวลา 14.99 - 15.00 วัน เร็วกว่าการใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราอย่างเดียว (ชุดควบคุม) ซึ่งเส้นใยเห็ดเจริญเต็มถุงก้อนเชื้อใช้ระยะเวลา 17.09 วัน พบความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (P < 0.01) ในขณะที่การใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันผสมขี้เลื่อยไม้ยางพาราอัตรา 1 : 3 ทำให้เห็ดนางรมฮังการีมีผลผลิตดีที่สุด จำนวนดอกรวมเท่ากับ 40.25 ดอก/ถุง น้ำหนักเห็ดรวมเท่ากับ 133.12 กรัม/ถุง (B.E. = 37.82 เปอร์เซ็นต์) ไม่พบความแตกต่างทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราอย่างเดียว (ชุดควบคุม) ซึ่งเป็นสูตรอาหารทั่วไปที่เกษตรกรนิยมใช้ จำนวนดอกและน้ำหนักเห็ดนางรมฮังการีมีค่าเท่ากับ 46.93 ดอก/ถุง และ 146.88 กรัม/ถุง (B.E. = 41.73 เปอร์เซ็นต์) ตามลำดับ สำหรับผลการใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันเป็นวัสดุสำหรับเพาะเห็ดแครง พบว่าการใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันผสมขี้เลื่อยไม้ยางพาราอัตรา 1:1 ทำให้เห็ดแครงมีผลผลิตสูงสุดเท่ากับ 136.50 กรัม/ถุง (B.E. = 49.16 เปอร์เซ็นต์) รองลงมาคือ การใช้ทางใบปาล์มน้ำมันผสมขี้เลื่อยไม้ยางพาราอัตรา 3 : 1, 1 : 3 และการใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพาราอย่างเดียว (ชุดควบคุม) เห็ดแครงให้ผลผลิตเท่ากับ 111.30, 94.55 และ 85.50 กรัม/ถุง (B.E. = 40.09, 34.05 และ 30.79 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่การใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันอย่างเดียว (ชุดควบคุม) เห็ดแครงให้ผลผลิตน้อยที่สุดเท่ากับ 60.10 กรัม/ถุง (B.E.= 21.64 เปอร์เซ็นต์) ในขณะที่การใช้โคนทางใบปาล์มน้ำมันเป็นวัสดุสำหรับเพาะเห็ดหลินจือ พบว่าเห็ดหลินจือสามารถเจริญเติบโตได้ดี ในสูตรอาหารโคนทางใบปาล์มน้ำมันผสมขี้เลื่อยไม้ยางพาราอัตรา 3 : 1 จำนวนดอกรวมเท่ากับ 2 ดอก/ถุง น้ำหนักเห็ดรวม 27.65 กรัม/ถุง (B.E. = 11.49 เปอร์เซ็นต์) เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดเฉลี่ย 6.34 เซนติเมตร/ดอก และความหนาของดอกเฉลี่ย 8.72 มิลลิเมตร/ดอก ไม่พบความแตกต่างทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพารา (ชุดควบคุม) จำนวนเห็ดเท่ากับ 2 ดอก/ถุง น้ำหนักเห็ดรวม 30.12 กรัม/ถุง (B.E. = 12.51 เปอร์เซ็นต์) เส้นผ่านศูนย์กลางดอกเห็ดเฉลี่ย 7.00 เซนติเมตร/ดอก และความหนาของดอกเฉลี่ย 7.71 มิลลิเมตร/ดอก จากผลการศึกษาสรุปได้ว่า โคนทางใบปาล์มน้ำมันมีประสิทธิภาพสามารถนำมาใช้เป็นวัสดุหลักสำหรับเพาะเห็ดนางรมฮังการี เห็ดแครง และเห็ดหลินจือได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรมาใช้เพาะเห็ดเป็นการจัดการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้เพื่อทดแทนขี้เลื่อยไม้ยางพาราเนื่องจากปัจจุบันมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นและหาซื้อยาก คำสำคัญ: เห็ดหลินจือ โคนทางใบปาล์มน้ำมัน เห็ดนางรมฮังการี เห็ดแครง วัสดุเพาะ |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | พรศิลป์ สีเผือก | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 70 |
2 | ผศ. ชัยสิทธิ์ ปรีชา | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 30 |