โครงการวิจัย
การสำรวจความหลายหลากของปลวกของสวนยางในจังหวัดนครศรีธรรมราช และแนวทางการควบคุมปลวกใต้ดินโดยใช้สารสกัดจากพืช
Survey and Study on Diversity of Termites in Rubber Plantation of Nakhon Si Thammarat Province and Control of Subterranean Termites by Plant Extracts
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2562 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | โครงการประยุกต์ |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2561 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2562 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2561 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณแผ่นดิน |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | 9905 |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | ปลวกเป็นสัตว์หน้าดินที่มีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายอินทรียวัตถุก่อให้เกิดการหมุนเวียน ธาตุอาหารในดินปลวกยังเป็นศัตรูสำคัญของพืชเศรษฐกิจรวมทั้งยาง วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้เพื่อศึกษาความหลายหลายของปลวกในสวนยาง 10 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราชได้แก่ อำเภอทุ่งใหญ่ ทุ่งสง นาบอน บางขัน ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา จุฬาภรณ์ พิปูน ร่อนพิบูลย์ และฉวาง ผลการสำรวจพบปลวก 8 ชนิด จัดอยูใน 2 วงค์ 4 วงศ์ย่อย 7 สกุล แบ่งเป็น 2 กลุ่มตามลักษณะการกินอาหาร ได้แก่ปลวกเพาะเลี้ยงเชื้อราและปลวกกินเนื้อไม้ ซึ่งพบในสัดส่วนเท่ากัน พื้นที่สวนยางในอำเภอบางขันพบปลวกมากสุดจำนวน 7 ชนิด ส่วนอำเภอทุ่งสงและถ้ำพรรณราพบปลวกน้อยสุดเพียง 3 ชนิด ปลวก Macrotermes gillvus and Microcerotermes minutus เป็นปลวกที่พบในทุกพื้นที่ ปลวกทั้ง 8 ชนิดเป็นศัตรูของยางโดยเฉพาะอย่างยิ่งปลวก Coptotermes curvignathus เป็นแมลงศัตรูร้ายแรงที่สร้างความเสียหายแก่ต้นยางที่มีชีวิตซึ่งพบในพื้นที่อำเภอบางขัน ร่อนพิบูลย์ พิปูน และช้างกลาง ส่วนการทดสอบประสิทธิภาพสารสกัดเอทานอลจากเหง้าข่า เหง้าขมิ้นชัน และเมล็ด น้อยหน่าเปรียบเทียบกับสารฆ่าแมลงพิโพรนิลเพื่อควบคุมปลวกใต้ดิน C. curvignathus ในสวนยางที่ระยะเวลา 90 วัน พบว่า สารฆ่าแมลงพิโพรนิลมีประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมปลวก โดยไม่พบปลวกในกับดักตลอดระยะเวลาที่ทดสอบ ไม้ที่ทดสอบอยู่ในสภาพดีไม่ถูกปลวกทำลายหรือมีค่าคะแนนเท่ากับ 10 และมีน้ำหนักไม้ที่สูญหายน้อยสุดเท่ากับ 0.59% รองลงมาได้แก่ สารสกัดเอทา-นอลจากเมล็ดน้อยหน่า มีประสิทธิภาพในการควบคุมปลวกไม่แตกต่างจากสารฆ่าแมลงฟิโปรนิล โดยไม่พบปวกในกับดัก ไม้ที่ทดสอบถูกทำลายเล็กน้อยไม่เกิน 3 % หรือมีค่าคะแนนเท่ากับ 8.82 และมีน้ำหนักไม้สูญหาย 0.90% ส่วนส่วนสิ่งทดลองชุดควบคุมพบปลวกสูงสุดจำนวน 1,298 ไม้ถูกทำลายปานกลาง/รุนแรง 10-30% หรือมีค่าคะแนนเท่ากับ 6.78 และมีน้ำหนักไม้สูญหายสูงสุดเท่ากับ 3.67% ผลการทดสอบชี้ให้เห็นว่า สารสกัดเอทานอลจากเมล็ดน้อยหน่ามีศักยภาพในการนำไปใช้ควบคุมปลวกใต้ดิน C. curvignathus เพื่อลดปริมาณการใช้สารฆ่าแมลงสังเคราะห์ คำสำคัญ: ปลวก, สวนยาง, จังหวัดนครศรีธรรมราช, ข่า ขมิ้นชัน, น้อยหน่า |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ผศ.ดร. พัชราภรณ์ วาณิชย์ปกรณ์ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 55 |
2 | ผศ. อวยพร วงศ์กูล | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 25 |
3 | ผศ.ดร. ยืนยง วาณิชย์ปกรณ์ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |