โครงการวิจัย
กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดการท่องเที่ยวท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของจังหวัดนครศรีธรรมราช
Marketing Communication Strategies for Local Tourism to Promote Health Tourism in Nakhon Si Thammarat
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2562 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | โครงการพื้นฐาน |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2561 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2562 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2561 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณรายได้ |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | ลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็นร้อยละ 57.50 มีอายุระหว่าง 30 - 39 ปี จำนวน 135 คน คิดเป็นร้อยละ 33.75 สถานะภาพโสด จำนวน 197 คน คิดเป็นร้อยละ 49. มีการศึกษาในระดับปริญญาตรี จำนวน 145 คน คิดเป็นร้อยละ 36.25 มีอาชีพ พนักงานบริษัทเอกชน จำนวน 123 คน คิดเป็นร้อยละ 30.75 มีรายได้ต่อเดือน 15,001 – 30,000 บาท จำนวน 135 คน คิดเป็นร้อยละ 33.75 การวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจในรูปแบบกิจกรรมการองเที่ยวเชิงสุขภาพและแนวโน้มพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามมีระดับความสนใจรูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ในระดับมาก คือ รูปแบบกิจกรรมการบริการผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพและความงาม โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.44 รูปแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง ได้แก่ รูปแบบกิจกรรมวารีบำบัด รูปแบบกิจกรรมสุวคนธบำบัดรูปแบบกิจกรรมการบริการอาบน้ำแร่ รูปแบบกิจกรรมการฝึกกายบริหารท่าฤาษีดัดตน รูปแบบกิจกรรมการนวดแผนไทย รูปแบบกิจกรรมการอบ / ประคบสมุนไพร รูปแบบกิจกรรมการบริการอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ รูปแบบกิจกรรมการนวดเท้า และรูปแบบกิจกรรมการฝึกสมาธิแนวพุทธศาสน์(Buddhist Meditation) ด้วยค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.40, 3.39, 3.29, 3.07, 3.06, 3.05, 3.05, 2.16 และ 2.16 ตามลำดับ รูปแบบการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามด้านการจัดการท่องเที่ยวมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.46 อยู่ในระดับมากส่วนใหญ่ คือ แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีบรรยากาศดี ร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.55 ด้านการบริการท่องเที่ยวมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.92 อยู่ในระดับปานกลางแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีความสะอาดบริสุทธิ์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.66 อยู่ในระดับมาก ด้านการจัดการตลาดมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.43 อยู่ในระดับมากแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีความสอดคล้องกับกิจกรรมการท่องเที่ยวในพื้นที่มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.57 อยู่ในระดับมาก ด้านการเข้าถึง มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 อยู่ในระดับปานกลางเส้นทางเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีความปลอดภัยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.63 อยู่ในระดับ มาก ด้านที่พักมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 อยู่ในระดับปานกลางที่พักมีความสะอาดและมีความปลอดภัยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.55 อยู่ในระดับมาก ด้านกิจกรรมการท่องเที่ยวมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ3.48 อยู่ในระดับมากความน่าสนใจของกิจกรรมท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.57 อยู่ในระดับมากกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามด้านสิ่งดึงดูดใจการท่องเที่ยวมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ3.37 อยู่ในระดับปานกลางกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามด้านสิ่งอำนวยความสะดวกมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.40 อยู่ในระดับปานกลาง ภาพรวมสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน เช่น น้ำไฟฟ้าถนนและห้องน้ำภายในบริเวณแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีความพร้อมและมีปริมาณที่เหมาะสมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.11 อยู่ในระดับปานกลาง ผลการสมมติฐานผู้รับบริการที่มีเพศ อายุ สถานภาพสมรส การศึกษาอาชีพรายได้ต่างกัน มีพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | สุพัตรา คำแหง | คณะเทคโนโลยีการจัดการ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 70 |
2 | สุธิกาญจน์ แก้วคงบุญ | คณะเทคโนโลยีการจัดการ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 30 |