การพัฒนาแบบจำลองการกัดเซาะดินของเชิงลาดไหล่ทาง

Development of Soil Erosion Model for Roadside Slope

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2563
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการพื้นฐาน
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2562
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2563
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2562
ประเภททุนวิจัย งบประมาณรายได้
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาแบบจาลองการกัดเซาะดินของเชิงลาดไหล่ทาง โดยเพิ่มชุดทดสอบการไหลบ่าผิวดินของน้าให้ทางานร่วมกับแบบจาลองลาดชัน เพื่อให้สามารถจาลองการไหลบ่าบนผิวดินของน้าให้ได้หลากหลายรูปแบบ และเพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบระดับความรุนแรงของการกัดเซาะของลาดดิน แบบจาลองการไหลบ่าผิวดินของน้าที่พัฒนาขึ้นในงานวิจัยนี้ออกแบบให้ปรับอัตราการไหลบ่าผ่านกระบะทดสอบปรับระดับของแบบจาลองลาดชันได้ระหว่าง 20 – 70 ลิตรต่อนาที การศึกษาการกัดเซาะเนื่องจากน้าไหลบ่าผิวบนของลาดดิน ผู้วิจัยเลือกศึกษาอัตราการไหล 30 ลิตรต่อนาที ซึ่งเทียบได้กับปริมาณฝนตกมากกว่า 50 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง หรือ ฝนตกหนักมาก (Violent rain) ทาการทดสอบกับความลาดชัน 3 ระดับ โดย (ระยะดิ่ง:ระยะราบ) เท่ากับ 1:1.5 1:2.0 และ 1:3.0 ซึ่งสอดคล้องกับความลาดชันของดินคันทางตามแบบมาตรฐานของกรมทางหลวง แต่ละความลาดชันใช้ความหนาแน่นดิน 2 ระดับ คือ ร้อยละ 70 และ 95 ของการบดอัดแบบมาตรฐาน นอกจากนี้ยังได้ทดสอบประสิทธิภาพของวัสดุป้องกันการกัดเซาะที่ทาจากเส้นใยมะพร้าวอัดทอแบบแผ่น หนา 1.16 เซนติเมตร รวมทั้งสิ้น 12 การทดสอบ เก็บข้อมูลปริมาณตะกอนดินที่ถูกน้าพัดพามาที่ทางออกของชุดทดสอบทุก 5 นาที จนครบเวลา 1 ชั่วโมง ผลการศึกษาพบว่า แบบจาลองการกัดเซาะดินของเชิงลาดไหล่ทางสามารถจาลองการไหลบ่าของน้าผิวดินที่ทาให้เกิดการกัดเซาะลาดดินไหล่ทางทั้งแบบระดับตื้น (Sheet erosion) และการกัดเซาะแบบร่องลึก (Rill erosion) ได้ การกัดเซาะของเชิงลาดไหลทางมีค่าเพิ่มขึ้นตามระดับความลาดชันที่สูงขึ้น และทุกความลาดชันเดียวกันเชิงลาดไหลทางที่ดินมีความหนาแน่นร้อยละ 70 เกิดการกัดเซาะสูงกว่าที่ความหนาแน่นร้อยละ 95 ของการบดอัดแบบมาตรฐาน โดยเกิดการกัดเซาะแบบร่องลึก (Rill erosion) ดิน และแบบระดับตื้น (Sheet erosion) ตามลาดับ ปริมาณตะกอนดินที่ไหลออกมาจากกระบะทดสอบของการจาลองที่ความลาดชัน 1:1.5 1:2.0 และ 1:3.0 ที่ความหนาแน่นดินร้อยละ 70 ของการบดอัดแบบมาตรฐาน มีค่าเท่ากับ 26.04 19.30 และ 13.19 กิโลกรัมต่อตารางเมตรต่อชั่วโมง และที่ความหนาแน่นดินร้อยละ 95 ของการบดอัดแบบมาตรฐาน มีค่าเท่ากับ 1.03 0.80 และ 0.56 กิโลกรัมต่อตารางเมตรต่อชั่วโมง ตามลาดับ จะเห็นได้ชัดว่าเชิงลาดไหลทางที่มีความชันน้อยกว่าและบดอัดดินด้วยความหนาแน่นสูงกว่าเกิดความเสียหายจากการกัดเซาะของน้าไหลบ่าน้อยกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้เส้นใยมะพร้าวอัดทอแบบแผ่นคลุมเชิงลาดไหลทางช่วยลดคความเสียหายจากการกัดเซาะได้อย่างมีนัยสาคัญ โดยปริมาณตะกอนจากการกัดเซาะลดลงเฉลี่ยร้อยละ 96 เมื่อเทียบกับเชิงลาดไหลทางที่ไม่มีวัสดุคลุม คาสาคัญ : กัดเซาะของดิน, ความลาดชัน ความหนาแน่น ตะกอนดิน
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ถาวร เกื้อสกูลคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาหัวหน้าโครงการ60
2จุฑามาศ ลักษณะกิจคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาผู้ร่วมวิจัย20
3ดร. ภาณุ พร้อมพุทธางกูรคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาผู้ร่วมวิจัย20