โครงการวิจัย
การค้นหาอัตลักษณ์พุทธสถาปัตยกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่เทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา
The search for Buddhist architectural identity to promote cultural tourism in Songkhla Municipality, Songkhla Province
รายละเอียดโครงการ
| ปีงบประมาณ | 2563 |
| หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
| ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
| ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
| ประเภทงานวิจัย | โครงการพื้นฐาน |
| วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2562 |
| วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2563 |
| วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2562 |
| ประเภททุนวิจัย | งบประมาณรายได้ |
| สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
| เลขที่สัญญา | |
| เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
| เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
| บทคัดย่อโครงการ | การค้นหาอัตลักษณ์พุทธสถาปัตยกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่เทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา ณัฐนีภรณ์ น้อยเสงี่ยม1 บทคัดย่อ งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยแบบเชิงปริมาณร่วมกับการสำรวจลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมภายในเขตเทศบาลนครสงขลา จำนวน 18 วัด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาปัจจัยที่ก่อให้เกิดอัตลักษณ์ ขั้นตอนการศึกษาประกอบด้วย 1) การลงพื้นที่สำรวจลักษณะทางกายภาพ ผังบริเวณ ผังพื้น รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ปรากฏภายในวัด 2) วิเคราะห์ปัจจัยที่ก่อให้เกิดอัตลักษณ์และรูปแบบที่ปรากฎเป็นหลักฐานในปัจจุบัน 3) การเสนอแนะแนวทางการนำพุทธสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่ามาเป็นทุนทางวัฒนธรรมในการขยายเส้นทางการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนโดยรอบ ผลการศึกษาพบว่า สมัยรัชกาลที่ 3 มีการสร้างสรรค์รูปแบบสถาปัตยกรรมที่เกิดเป็นลักษณะเฉพาะแบบพระราชนิยมได้ถูกถ่ายทอดผ่านความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างเมืองสงขลากับส่วนกลาง จำแนกรูปแบบได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1. รูปแบบจีน 2. แบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 3. แบบไทยประเพณี การสืบทอดพุทธสถาปัตยกรรมให้มีการคงอยู่และนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของท้องถิ่นจึงเป็นข้อคำนึงที่ควรนำมาพิจารณา การให้ความสำคัญด้วยการนำศักยภาพของพุทธสถาปัตยกรรมซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นอกจากเป็นการอนุรักษ์และตอบสนองความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วยการกระจายเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมอย่างไรก็ตามพบว่า ช่องว่างของการแสวงหาอัตลักษณ์และประเมินศักยภาพของรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เหมาะสม และข้อจำกัดของข้อมูลในขั้นตอนการอนุรักษ์และซ่อมแซมทำให้ไม่สามารถสืบค้นรูปแบบดั้งเดิมก่อนการซ่อมแซมได้ คำสำคัญ: สถาปัตยกรรมพระราชนิยม วัด สงขลา The Search for Buddhist architectural identity to promote cultural tourism in Songkhla Municipality, Songkhla Province Nattaneeporn Noisangiam1 Abstract The research was conducted by utilizing quantitative research together with site surveying the architectural pattern of 18 temples situated in Songkhla Municipality. The research itself was primarily aiming at serching for factors that contributed to particular architectural pattern. According to the research procedure, it could be divided into 3 main approaches as followed; 1)Surveying physical attributes, area plan, floor plan and appeared architectural pattern in each temple 2) Analyzing related factors that brought about identities an patterns as shown in the present time 3)Suggesting approaches in adopting Buddhist architecture to be cultural capital in expanding tourism routes which could be considered as income distribution among local communities. It was later found out from the research that the creation of the Royal intention of King Rama the 3rd had been inherited and passed on via inter-city relation between Songkhla and the capital city. Those architectural patterns could be categorized into 3 main patterns as followed; 1. Chinese architectural pattern 2. The Royal Intention to Produce Work of Art in King Rama the 3rd 3. Traditional Thai architectural pattern More importantly, the process of inheriting and retaining Buddhism Architecture should be carefully considered since it would lead to the pride among local community. Also, enhancing Buddhism Architecture latency surely benefited cultural tourism inevitably. Besides, the ideas of conserving and responding the need among tourists through the process of expanding cultural tourism routes were later on found out that there were space to seek for local identity and potential assessment of proper architectural pattern. Somehow, the limitation of data accessing during conservation and renovation process had became a large obstacle for the researcher to cross over. Keywords: Royal intention of art Temples Songkhla |
| รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
| เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
| ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
|---|---|---|---|---|
| 1 | ผศ.ดร. ณัฐนีภรณ์ น้อยเสงี่ยม | คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | หัวหน้าโครงการ | 100 |