ผลกระทบของความร้อนสูงต่อค่าความแข็งแรงดึงสูงสุดและกลไกการแตกหักของโลหะบัดกรีไร้สารตะกั่วชนิด Sn-0.3Ag-0.7Cu-xNi-ySb

Effects of Elevated Temperature on the Ultimate Tensile strength and Fracture mechanism of Sn-0.3Ag-0.7Cu-xNi-ySb Lead Free Solders

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2562
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการวิจัยและพัฒนา
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2561
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2562
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2561
ประเภททุนวิจัย งบประมาณแผ่นดิน
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา3596
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระ ทบของความร้อนสูงต่อคำความแข็งแรงดึง สูงสุดและกลไกการแตกหักของโลหะบัดรีไร้สารตะกั่วชนิด S.-0.3Ag-0.7CH-Ni-yร6 พบว่า จุด หลอมเหลวของโลหะบัดกรีไร้สารตะกั่วผสมเมื่อเดิมธาตุเจือนิกเกิลในปริมาณ 0.1-0.2 ฬา และ พลวงในปริมาณ 1.0-2.0 w: จุดหลอมเหลวมีค่าระหว่าง 230.33C, ถึง 232.17c ซึ้งมีค่าเพิ่มขึ้น จาก SAC0307 เท่ากับ 3.84"c สำหรับค่าความแข็งมืค่ความแข็งจะลคลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ยิ่งกว่านั้นจะเพ็มขึ้นเมื่อเคิมธาตุเจือนิกเกิลและพลวงเพ็มขึ้น ดวามค้านทานแรงดึงของโลหะบัดกรี ไร้สารตะกั่วชนิด SAC0307-0. Ni-2.056 ที่อุณหภูมิ 25 C, 75'*C และ 125*C มีคำความต้านทานแรง ดึงสูงสุด เท่ากับ 34.81 6.45, 22.43+4.08 และ 19.54 *3. 16 MPa และ เปอร์เซ็นต์การยืคตัวเท่ากับ 22.83#7. 13, 30.48*10.75 และ 24.64 6.01% ตามลำดับ รอยแตกหักความค้านทานแรงดึงที่ อุณหภูมิ 25 C, 75'C และ 125 C อุณหภูมิจะทำให้เกิดมีลักษณะการแตกหักแบบเหนียว นอกจากนี้ สารประกอบเชิงโลหะของโลหะบัดกรี ไร้สารตะกั่วเมื่อเติมธาตุเจือนิกเกิลและ พลวงมีการกระจาย ตัวอย่างสม่ำเสมอในเฟสของ s-ich ประกอบด้วย Ag,sn, Cu.Sn (Sb.sn./a.e CuSn, SnSb, Sb rich, Ni,Sb, และ N,งาSb.ม คำสำคัญ: โลหะบัดกรีไร้สารตะกั่วผสม รAC0307 สมบัติทางกล สารประกอบเชิงโลหะ
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ดร. สุชาติ จันทรมณีย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาหัวหน้าโครงการ55
2ชาตรี หอมเขียวคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาผู้ร่วมวิจัย45