| บทคัดย่อโครงการ |
การส่งเสริมการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจ ในพื้นที่
อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง
นภัสวรรณ เลี่ยมนิมิตร1 สกุลรัตน์ หาญศึก2 รัตนา อุ่นจันทร์3
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานด้านเศรษฐกิจและสังคมบางประการของ
เกษตรกร ระบบการปลูกและระบบการตลาดพริกไทยสายพันธุ์ปะเหลียน ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริม
การปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรค
ในการส่งเสริมการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน โดยรวบรวมข้อมูลจากการสัมภาษณ์ และวิเคราะห์
ข้อมูลด้วยโปรแกรมสถิติสำเร็จรูปทางสังคมศาสตร์ (Statistical package for the social science,
SPSS) โดยใช้ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic mean) ค่าเบี่ยงแบนมาตรฐาน
(Standard Deviation) การทดสอบแบบที (T-test) และการทดสอบแบบเอฟ (F-test)
ผลการวิจัยพบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (ร้อยละ 57.10) มีอายุเฉลี่ย 55.33 ปี จบ
ในระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า (ร้อยละ 42.90) มีสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 3.61 คน ทำการเกษตร
เฉลี่ย 1.95 คน รายได้เฉลี่ย 18095.23 บาทต่อเดือน มีหนี้สินเฉลี่ย 374,117.64 บาทต่อครัวเรือน
ส่วนใหญ่เป็นสมาชิก ธกส. มีการรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับการเกษตรจากโทรทัศน์ และมีการติดตาม
ข่าวสารเกี่ยวกับการเกษตรทุกวัน (ร้อยละ 47.60) ระบบการปลูกพริกไทยสายพันธุ์ปะเหลียน พบว่า
เกษตรกรมีประสบการณ์ในการปลูกพริกไทยมาแล้วเฉลี่ย 2.57 ปี มีพื้นที่ถือครองทั้งหมดเฉลี่ย 10.52
ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกพริกไทยเฉลี่ย 1.71 ไร่ แหล่งพันธุ์เริ่มต้นปลูกครั้งแรกได้มาจากในหมู่บ้าน ปลูกเพื่อ
จำหน่ายเป็นหลัก แต่ไม่เคยผ่านการอบรมความรู้เกี่ยวกับการปลูกพริกไทยมาก่อน ลักษณะการปลูก
เป็นเชิงเดี่ยว ต้นพันธุ์ใช้การปักชำ มีการใช้ค้างเสาปูน ปลูกระยะ 2 x 2 เมตร เฉลี่ย 1.85 ต้นต่อค้าง
ใช้แหล่งน้ำบาดาล ไม่มีการวิเคราะห์ธาตุอาหารดิน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เป็นส่วนใหญ่ ระยะเวลาเก็บเกี่ยว
ผลผลิตครั้งแรกหลังปลูกเฉลี่ย 13.50 เดือน และเก็บเกี่ยวผลผลิตครั้งต่อไปเฉลี่ย 3.50 เดือน การใช้
ปัจจัยการผลิตในกรณีปลูกสร้างแปลงพริกไทยใหม่ (อายุไม่เกิน 1 ปี) มีต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ย
85,565.48 บาทต่อไร่ กรณีแปลงพริกไทยที่ให้ผลผลิตแล้ว (อายุ 1 ปีขึ้นไป) มีผลผลิตเฉลี่ย 127.50
กิโลกรัมแห้งต่อไร่ ราคาจำหน่ายเฉลี่ย 400 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นมูลค่าผลผลิตเฉลี่ย 48,640.00
บาทต่อไร่ ต้นทุนผันแปรเฉลี่ย 2,123.59 บาทต่อไร่ ต้นทุนคงที่เฉลี่ย 2.17 บาทต่อไร่ รายได้สุทธิเฉลี่ย
46,948.00 บาทต่อไร่ และกำไรสุทธิเฉลี่ย 46,911.00 บาทต่อไร่ ระบบการตลาดพริกไทยพันธุ์ปะ
เหลียน พบว่า เกษตรกรทั้งหมดทราบแหล่งจำหน่ายผลผลิต โดยขายให้กับพ่อค้าในหมู่บ้าน สืบราคา
ข
จากเพื่อนบ้านก่อน ลักษณะการจำหน่ายพริกไทยเป็นพริกไทยสดเกษตรกรสามารถต่อรองราคาได้ มีการรวมกลุ่มจำหน่ายผลผลิตพริกไทย เกษตรกรไม่เคยถูกเอาเปรียบในการจำหน่ายผลผลิต และรูปแบบการจำหน่ายเป็นเงินสด
ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนเพื่อเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจ พบว่า ด้านเทคโนโลยี อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 3.85) ด้านการลงทุนและผลตอบแทน อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.75) ด้านการตลาด อยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย 4.02) ด้านการส่งเสริม/สนับสนุน อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย 4.71) การทดสอบสมมติฐานเปรียบเทียบปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน พบว่า ปัจจัยด้านเทคโนโลยี ด้านการลงทุนและผลตอบแทน ด้านการตลาด และด้านการส่งเสริม/สนับสนุน ระหว่างเกษตรกรที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา จำนวนสมาชิกในครัวเรือนที่ทำการเกษตร รายได้ และภาวะหนี้สินต่างกัน มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (p ≤ 0.01) จึงกล่าวได้ว่าเกษตรกรที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา จำนวนสมาชิกในครัวเรือนที่ทำการเกษตร รายได้ และภาวะหนี้สินต่างกัน มีปัจจัยการส่งเสริมการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนแตกต่างกัน มีเพียงการเป็นสมาชิกกลุ่มหรือสถาบันการเกษตรที่ไม่มีความแตกต่างกัน จึงกล่าวได้ว่าเกษตรกรที่มีการเป็นสมาชิกกลุ่มหรือสถาบันการเกษตรต่างกัน มีปัจจัยการส่งเสริมการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนไม่แตกต่างกัน และปัญหาอุปสรรคในการส่งเสริมการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน พบว่า ขาดการจัดอบรมความรู้ให้แก่เกษตรกร
คำสำคัญ: การส่งเสริม, พริกไทยสายพันธุ์ปะเหลียน, ด้านเศรษฐกิจ
--------------------------------------------------------------------
1 2 อาจารย์ สาขาวิทยาศาสตร์การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อ.ทุ่งสง จ. นครศรีธรรมราช
3 อาจารย์ สาขาเกษตรประยุกต์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อ.ทุ่งสง จ. นครศรีธรรมราช
ค
Enhancing economic value by promotion of Trang pepper cultivation
in Palian area, Trang province
Napassawan Liamnimitr1 Sakulrat Hansuek2 Rattana Unjan3
Abstract
This research aimed to study some basic socio-economic information of
farmers, Palian pepper planting and marketing system, factors affecting the promotion
of Palian pepper cultivation to increase economic value, and problems and obstacles
in promoting the cultivation of Palian pepper. The data gathered from interview and
were analyzed by statistical package for the social science, SPSS using percentages,
arithmetic mean, standard deviation, T-test, and F-test.
The results of the research were as follows: most of the farmers were female
(57.10 percent), their average age was 55.33 years old, they held a bachelor's degree
or higher (42.90 percent), there was an average farming of 1.95 people, their average
income was 18095.23 baht per month, their average debt was 374,117.64 baht per
household, most of them were BAAC members, they received agriculture news from
television, and they followed up on agricultural news every day (47.60%). The
cultivation system of Palian pepper was found that farmers had an average of 2.57
years of experience in growing pepper, their total area of ownership was 10.52 rai, the
average pepper growing area was 1.71 rai, the first seedling source was obtained from
the village, mainly grown for distribution but never trained in the knowledge of pepper
cultivation before, characteristic of planting was a single planting, early varieties used
cuttings, the use of cement columns was planted at a distance of 2 x 2 meters, an
average of 1.85 plants per hold, used an underground water source without soil
nutrient analysis, applied mostly organic fertilizers, the first harvest time after planting
was 13.50 months and the next harvest was 3.50 months. Using inputs in the case of
building a new pepper plot (not more than 1 year old) had an average total cost of
85,565.48 baht per rai. In the case of pepper plots that have already yielded (over 1
year old), the average yield was 127.50 kg per rai. Average selling price was 400 baht
ง
per kg. The average yield was 48,640.00 baht per rai, average variable cost 2,123.59 baht per rai, average fixed costs 2.17 baht per rai, average net income 46,948.00 baht per rai and average net profit 46,911.00 baht per rai. The Palian pepper marketing system data was shown that all farmers knew the source of their production by selling to the merchants in the village and investigating prices from neighbors first. Characteristics of selling pepper was fresh pepper which farmers could negotiate the price. There was a group that sells pepper products. Farmers have never been taken advantage of by selling their products and the form of the distribution is cash.
Factors affecting the promotion of Palian pepper cultivation to increase economic value found that technology factor was at high level (mean 3.85), investment and returns factor were at the highest level (mean 4.75), marketing factor was at a high level (mean 4.02), and promotion / support was at the highest level (mean 4.71). The hypothesis testing comparing factors affecting the promotion of Palian pepper cultivate including technology factor, investment and return in marketing, and promotion and support among farmers with gender, age, education level, the number of members of the agricultural households, income and debt conditions differ was found that there was a statistically significant difference (p ≤ 0.01). It could be said that farmers with different sex, age, education level, the number of members of the agricultural households, income and debt conditions have different promotion factors for Palian pepper. However, there is no difference in membership of agricultural groups or institutes. This could be said that farmers who belong to different agricultural groups or institutions, there were no different factors for promoting the cultivation of Palian pepper. Problems and obstacles in promoting the cultivation of the Palian pepper species was lacking of training and knowledge for farmers.
Keywords: Promoting, Palian Pepper, Economic
--------------------------------------------------------------------
1 2 Department of Agricultural Science, Faculty of Agriculture, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Thung Song, Nakhon Si Thammarat.
3 Department of Applied Agriculture, Faculty of Agriculture, Rajamangala University of Technology Srivijaya, Thung Song, Nakhon Si Thammarat.
|
