พัฒนาถุงเพาะชำย่อยสลายได้จากพอลิแลคทิคแอซิดด้วยยางธรรมชาติและสารก่อผลึก

Development of nursery bag form poly(lactic acid) with natural rubber and nucleating agent

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2563
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการพื้นฐาน
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2562
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2563
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2562
ประเภททุนวิจัย งบประมาณรายได้
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ บทคัดย่อ งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาสมบัติของพอลิแลคติคแอซิดผสมยางธรรมชาติ โดยศึกษาอิทธิพล ของอัตราส่วนการเบลนด์ระหว่างพอลิแลคติคแอซิคและยางธรรมชาติ ชนิดและปริมาณของสารก่อ ผลึก ชนิดของยาง (ยางธรรมชาติและยางธรรมชาติอิพอกไซด์) สมบัติที่ท าการศึกษาได้แก่ ความ ทนทานต่อแรงกระแทก สมบัติเชิงกล สมบัติทางสัณฐานวิทยา ระดับการเกิดผลึกและสมบัติการย่อย สลายได้ จากการศึกษาอัตราส่วนการเบลนด์พบว่าปริมาณยางที่เหมาะสมที่สุดคือ 10 %โดยน้ าหนัก เนื่องจากการกระจายตัวที่ดีของอนุภาคยางในเมทริกซ์ของพอลิแลคติคแอซิด ซึ่งการใส่ยางธรรมชาติ จะปรับปรุงสมบัติความเหนียวของพอลิแลคติคอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อปริมาณของยางธรรมชาติที่ ปริมาณ 20 %โดยน้ าหนัก จะพบการเกาะกลุ่มของอนุภาคยางและเกิดรูพรุนในเมทริกซ์ของพอลิ แลคติคเอซิดส่งผลให้สมบัติความทนทานต่อแรงกระแทกและสมบัติเชิงกลลดลง เมื่อท าการ เปรียบเทียบสารก่อผลึก 2 ชนิด คือมอนท์มอริลโลไนต์ (MMT) และไททาเนียมไดออกไซด์ (TiO2) พบว่า TiO2 จะให้สมบัติความทนทานต่อแรงกระแทกและสมบัติเชิงกลที่ดีกว่า MMT เนื่องจากความ เข้ากันได้ที่ดีกว่าและการกระจายตัวที่ดีของ TiO2 ในเมทริกซ์ของพอลิแลคติคแอซิด โดยปริมาณของ สารก่อผลึกที่เหมาะสมคือที่ปริมาณ 4%โดยน้ าหนัก การใส่ยางธรรมชาติและสารก่อผลึกจะช่วย ปรับปรุงสมบัติของพอลิแลคติคแอซิด ได้แก่ สมบัติการทนทานต่อแรงกระแทก สมบัติเชิงกลและ สมบัติการย่อยสลายได้ ค าส าคัญ: พอลิแลคติคแอซิด พอลิเมอร์ชีวภาพ การย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ยางธรรมชาติ
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ดร. อุไรวรรณ สุกยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาหัวหน้าโครงการ55
2นภัสวรรณ เลี่ยมนิมิตรคณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20