การใช้ประโยชน์ศักยภาพของกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติจากอุตสาหกรรมถุงมือยางเป็นสารตัวเติมในวัสดุเชิงประกอบพลาสติกและไม้ สำหรับใช้งานในพื้นที่ชายทะเล

Potential Utilization of Natural Latex Sludge Waste from Rubber Gloves Industry as Filler in Wood-Plastic Composites for Application in Seacoas

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2564
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการประยุกต์
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2563
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2564
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ธันวาคม 2563
ประเภททุนวิจัย ทุน ววน.
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ

วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้ คือ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของชนิดและปริมาณกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติต่อสมบัติของวัสดุเชิงประกอบพลาสติก และเพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของขนาดกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติต่อสมบัติของวัสดุเชิงประกอบพลาสติกและไม้ ซึ่งในการผสมวัสดุดำเนินการโดยใช้เครื่องอัดรีดแบบเกลียวคู่ และขึ้นรูปเป็นแผ่นชิ้นงานตัวอย่างด้วยเครื่องอัดร้อน ผลจากการทดลองพบว่า การเติมกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติเป็นส่วนผสมเพิ่มขึ้นในช่วง 30-70 wt% ส่งผลให้ความแข็งแรงดัด ความแข็งแรงดึง ความเครียดดึงสูงสุด และการเสถียรทางความร้อนมีค่าลดลงตามปริมาณกากตะกอนนํ้ายางธรรมชาติที่เติมเป็นส่วนผสม ทว่ามอดูลัสการดัด มอดูลัสการดึง ความแข็ง และเปอร์เซ็นต์การดูดซับน้ำมีค่าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันวัสดุเชิงประกอบพอลิโพรพีลีนและกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติจากกระบวนการตกตะกอนที่ก้นบ่อน้ำยางสดมีค่าความแข็งแรงดัด ค่าความแข็งแรงดึง ค่าความเครียดดึงสูงสุด และค่าเปอร์เซ็นต์การดูดซับน้ำมากกว่าวัสดุเชิงประกอบพอลิโพรพีลีนและกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติจากเครื่องปั่นแยกน้ำ และยังพบด้วยว่า การเติมสารมาเลอิกแอนไฮไดร์กราฟพอลิโพรพีลีนในวัสดุเชิงประกอบพอลิโพรพีลีนและกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติ สามารถปรับปรุงสมบัติทางกลและทางกายภาพให้มีสมรรถนะสูงขึ้นได้อย่างชัด และปริมาณสารมาเลอิกแอนไฮไดร์กราฟพอลิโพรพีลีนที่เหมาะสมในการเติมเป็นส่วนผสมในวัสดุเชิงประกอบพอลิโพรพีลีนและกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติ คือ ปริมาณ 4 wt% นอกจากนี้ การเติมกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติเป็นส่วนผสมในวัสดุเชิงประกอบพอลิโพรพีลีนและผงไม้ยางพาราเพิ่มขึ้นในช่วง 20-40 wt% ส่งผลให้ค่าความแข็งแรงดัด ค่าความเครียดดัดสูงสุด ค่าความแข็งแรงดึง และการเสถียรทางความร้อนของวัสดุเชิงประกอบฯ เพิ่มขึ้นตามปริมาณกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติที่เติมเป็นส่วนผสม ทว่าค่ามอดูลัสการดัด ค่ามอดูลัสการดึง ค่าความแข็ง และค่าเปอร์เซ็นต์การดูดซับน้ำลดลงตามปริมาณกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติที่เติมเป็นส่วนผสม ในขณะเดียวกันพบด้วยว่า วัสดุเชิงประกอบพอลิโพรพีลีนและผงไม้ยางพาราที่ผสมกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติขนาดเล็กกว่า 149 µm มีสมรรถนะทางกลและทางกายภาพดีที่สุด และการใช้กากตะกอนน้ำยางธรรมชาติขนาด 400-707 µm ให้สมรรถนะทางกลและทางกายภาพด้อยที่สุด และยังพบด้วยว่า วัสดุเชิงประกอบพอลิโพรพีลีนและผงไม้ยางพาราที่ผสมกากตะกอนน้ำยางธรรมชาติมีค่าความแข็งแรงดัด ค่าความเครียดดัดสูงสุด ค่าความแข็งแรงดึง และค่าเปอร์เซ็นต์การดูดซับน้ำที่เหนือกว่าวัสดุเชิงประกอบพลาสติกและผงไม้ยางพารา

รายละเอียดการนำไปใช้งาน

-

เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ชาตรี หอมเขียวคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาหัวหน้าโครงการ60
2รศ. ธเนศ รัตนวิไลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ผู้ร่วมวิจัย30
3สุรสิทธิ์ ระวังวงศ์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาผู้ร่วมวิจัย10