การออกแบบและพัฒนาเครื่องปั่นแห้งเพื่อลดเวลาในการตากแป้งสาคู

The Design and Develop of Dry Spinning Machine to Reduce Time for Drying Sago Starch.

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2564
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการพื้นฐาน
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2563
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2564
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 2 ธันวาคม 2563
ประเภททุนวิจัย ทุน ววน.
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ งานวิจัยการพัฒนาเครื่องปั่นลดความชื้นในแป้งสาคูมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาออกแบบ และพัฒนาเครื่องปั่นลดความชื้นแป้งสาคู เพี่อลดเวลาในการตากแป้ง และป้องกันการเจือปนของ แมลงหรือฝุ่นละอองจากการตากแป้งเป็นเวลานาน โดยอาศัยหลักการหมุน ของถังด้วยความเร็วเพื่อ สลัดน้ำออกจากเนื้อแป้งสาคู เครื่องปั่นลดความชื้นแป้งสาคูสร้างด้วยเหล็กกล้าไร้สนิมประกอบด้วย โครงสร้างทรงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 เชนติเมตร สูง 85 เซนติเมตร ถังปั่นขนาดเส้นผ่าน ศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร สูง 35 เชนติเมตร มีมอเตอร์ปั่นแห้ง กำลังไฟฟ้า 120 วัตต์ เป็นต้นกำลัง และควบคุมการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ จากการทดสอบใช้เครื่องปั่นลดความชื้นในแป้งสาคูในปริมาณครั้งละ 5 กิโลกรัม ปั่นด้วย ระยะเวลาและอุณหภูมิที่แตกต่างกันจากน้อยไปหามากเพื่อให้ได้แป้งที่มีความชื้นน้อยที่สุด โดย เริ่มต้น ด้วยอุณหภูมิปกติ(40) 50 60 และ 70 องศาเซลเซียส ตามลำดับและทำการชั่งน้ำหนักทุกๆ 1 นาที ตั้งแต่นาทีที่ 5 จนถึงระยะเวลาที่น้ำหนักแป้งไม่มีความเปลี่ยนแปลงปรากฏว่าใช้เวลา 8 นาที ได้น้ำหนักแป้ง 4.75 กิโลกรัม เครื่องสามารถปั่นลดความชื้นหรือสลัดน้ำออกจากแป้งได้ 5 เปอร์เซ็นต์ค่าพลังงานไฟฟ้า 10 บาทต่อชั่วโมง
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1เสริมศักดิ์ เกิดวันคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ60
2รุ่งโรจน์ จีนด้วงคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20
3พงษ์พันธ์ ราชภักดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20