โครงการวิจัย
การส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงและแปรรูปปูม้าเพื่อชุมชนชนชายฝั่งจังหวัดตรัง
The Ocupation Extension of Blue Swimming Crab (Portunus pelagicus Linnaeus, 1758) Culture and Product Processing for Coastal Community at Trang Province
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2563 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการชุด |
ประเภทงานวิจัย | โครงการวิจัยและพัฒนา |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2562 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2563 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 กันยายน 2563 |
ประเภททุนวิจัย | อื่นๆ |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | 03/2563 |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | ปัจจุบันอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีการพัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น ปัจจัยสําคัญที่เกี่ยวข้องกับการเพาะเลี้ยงมีหลายประการ อาหารเป็นปัจจัยสําคัญที่สุดประการหนึ่งในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในระยะวัยอ่อน การอนุบาลลูกปูม้าวัยอ่อนจะเริ่มจากระยะซูเอี้ยซึ่งเป็นตัวอ่อนระยะแรกหลังจากฟักออกจากไข่ ระยะซูเอี้ยมีอยู่ 4 ระยะย่อย คือ ซูเอี้ย 1 ถึง 4 ลูกปูระยะนี้จะกินแพลงก์ตอนพืช และจะใช้เวลาประมาณ 8-12 วันในการพัฒนาเข้าสู่ระยะต่อไป คือ ระยะเมกาโลปา โดยระยะนี้ลูกปูจะกินแพลงก์ตอนสัตว์เป็นหลักและจะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน ก็จะพัฒนาเข้าสู่ระยะที่ลูกปูมีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัย (Arshad et al. ,2006) ดังนั้น การอนุบาลลูกปูม้าให้มีประสิทธิภาพ มีอัตรารอดตายสูง และได้ลูกปูที่แข็งแรงนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของแพลงก์ตอนพืชที่ใช้ในการอนุบาลลูกปูวัยอ่อน แพลงก์ตอนพืชจัดว่าเป็นอาหารทีสำคัญต่อการอนุบาลลูกสัตว์น้ำกลุ่มกุ้ง และปูม้า ซึ่งแพลงก์ตอนพืชที่นิยมเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์น้ำวัยอ่อนมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ชนิดที่มีบทบาทสำคัญ ในการอนุบาลลูกสัตว์น้ำกลุ่มนี้ ได้แก่ คลอเรลล่า คีโตเซอรอส เตตร้าเซลมิส และไอโซไครซิส เป็นต้น เนื่องจากหาหัวเชื้อได้สะดวก และเมื่อเจริญเติบเต็มที่แล้วจะยังคงอยู่ได้อีกระยะหนึ่ง โดยไม่ตาย หรือตกตะกอนทันทีเหมือนกับแพลงก์ตอนพืชชนิดอื่น (ธิดา, 2543) นอกจากนี้แพลงก์ตอนพืชประกอบไปด้วยกรดไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวสูง (PUFA) ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และพัฒนาการของลูกสัตว์น้ำวัยอ่อน (Brown et al. 1997; Natrah et al. 2007) ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงทำการทดลองใช้แพลงก์ตอนพืชทะเลในการอนุบาลลูกปูม้าวัยอ่อนโดยศึกษาอัตราการรอดตาย และการพัฒนาการของลูกปูระยะซูเอี้ย 1 ถึง 4 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการเพาะเลี้ยงปูม้า และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเพิ่มรายได้ให้สําหรับเกษตรกรชุมชนบ้านปากคลอง อ.สิเกา จ.ตรัง การศึกษาการเลี้ยงปูม้าในกล่องแบบคอนโดเพื่อส่งเสริมอาชีพให้ชุมชนชายฝั่งจังหวัดตรัง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราการเจริญเติบโตและอัตราการรอดตายของปูม้าที่เลี้ยงในกล่องแบบคอนโด ถ่ายทอดองค์ความรู้การเลี้ยงปูม้าในกล่องแบบคอนโด และเพื่อส่งเสริมอาชีพให้ชุมชนชายฝั่งจังหวัดตรัง โดยนำลูกปูม้าวัยอ่อน อายุ 30-40 วัน นำมาเลี้ยงในกล่องแบบคอนโดที่รองพื้นด้วยทราย วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด (Completely Randomized Design: CRD) แบ่งการทดลองเป็น 3 ชุดการทดลอง (ให้กินเนื้อปลาสด ให้กินอาหารเม็ดสำเร็จรูป และให้กินเนื้อปลาสด + อาหารเม็ดสำเร็จรูป) แต่ละชุดการทดลองมีจำนวน 3 ซ้ำๆ ละ 12 กล่อง เลี้ยงเป็นระยะเวลา 60 วัน ให้กินอาหารจนอิ่ม วันละ 1 ครั้ง เวลา 17.00 น. ดูดตะกอนเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก 7 วัน ครั้งละ 50 เปอร์เซ็นต์ และตรวจวัดคุณภาพน้ำ วัดความกว้าง ความยาวของกระดอง และชั่งน้ำหนักตัว จำนวน 4 ครั้ง นำข้อมูลที่ได้ไปศึกษาการเจริญเติบโตและอัตราการรอดตาย และนำองค์ความรู้ที่ได้จากการเลี้ยงไปถ่ายให้ชุมชนได้ เป็นแนวทางในการเลี้ยงในครัวเรือนเพื่อการบริโภคหรือเป็นอาชีพเสริมให้ชุมชนชายฝั่งจังหวัดตรัง หรือนำไปต่อยอดเพื่อเลี้ยงเชิงพาณิชย์ได้ การศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปูม้ากรอบคั่วกลิ้งบรรจุในภาชนะบรรจุปิดสนิทพร้อมบริโภค โดยการใช้เนื้อปูม้า ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจากการแปรรูปเนื้อปูม้าแกะ นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคที่สามารถเก็บรักษาได้นาน โดยทำการศึกษากรรมวิธีการผลิต บรรจุภัณฑ์ อายุการเก็บรักษา และต้นทุนการผลิต การศึกษาในครั้งนี้เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชนโดยมีเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งนำผลสำเร็จของงานวิจัยไปถ่ายทอดให้กับชุมชนบ้านปากคลอง อ.สิเกา จ.ตรัง เพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการนำวัตถุดิบท้องถิ่นภายในชุมชนมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกให้กับชุมชน นอกเหนือจากการจำหน่ายสดและการแปรรูปเบื้องต้นเช่นการต้ม และแกะเปลือก อีกทั้งยังเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคโดยเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภคที่สามารถเก็บรักษาได้นานในอุณหภูมิปกติ โดยการวิจัยดังกล่าวเป็นการแก้ปัญหาด้านการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบท้องถิ่นภายในชุมชน และสามารถสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ในชุมชน จึงสามารถช่วยขยายตลาดและกลุ่มผู้บริโภคให้กว้างขึ้นได้อีกด้วย และสามารถนำไปจำหน่ายในในตลาดที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการจำหน่ายเป็นของฝากจากชุมชน ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าต่างๆ และการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่สะดวกต่อการขนส่ง จะทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถส่งถึงลูกค้าได้อย่างปลอดภัย ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น ผลจากการวิจัยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนที่ต้องการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบท้องถิ่น ขยายช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้มีการขยายตัวได้กว้างขวางยิ่งขึ้น |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | - การเพาะเลี้ยงแพลงก์ตอนต้นแบบจำนวน 1 รูปแบบ - การเลี้ยงปูม้าจำนวน 1 รูปแบบ - ปูม้ากรอบคั่วกลิ้งจำนวน 1 รูปแบบ |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ผศ.ดร. ทัศนภา ว่องสนั่นศิลป์ | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง | หัวหน้าโครงการ | 50 |
2 | ผศ.ดร. นัฏฐา คเชนทร์ภักดี | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง | ผู้ร่วมวิจัย | 25 |
3 | ผศ.ดร. วิกิจ ผินรับ | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง | ผู้ร่วมวิจัย | 25 |