พัฒนาศักยภาพการผลิตลูกหอยนางรมระยะกึ่งวัยรุ่นในบ่อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตสู่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำชุมชนชายฝั่ง จังหวัดตรัง

-

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2565
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการวิจัยและพัฒนา
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2564
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2565
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ธันวาคม 2564
ประเภททุนวิจัย ทุน ววน.
สถานะโครงการ แล้วเสร็จ(ค้างส่งผลผลิต)
เลขที่สัญญา2301365
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ พัฒนาศักยภาพการผลิตลูกหอยนางรมระยะกึ่งวัยรุ่นในบ่อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตสู่เกษตรกร ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำชุมชนชายฝั่ง จังหวัดตรัง สุพัชชา ชูเสียงแจ้ว1 สุวัจน์ ธัญรส2 วรวุฒิ เกิดปราง1 ปราณี อยู่เด็น3 กัตตินาฏ สกุลสวัสดิพันธ์2 และสุเทพ คงเกื้อ4 บทคัดย่อ การพัฒนาการผลิตลูกหอยนางรมในบ่อดินเพื่อเพิ่มผลผลิตสู่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำชุมชนชายฝั่ง จังหวัดตรัง ดำเนินการปรับสภาพพ่อแม่พันธุ์ในแหล่ง 2 แหล่ง คือ แหล่งเลี้ยงธรรมชาติและระบบทุ่นลอย น้ำในบ่อดินเป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่า ปริมาณ GSI และกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงทั้ง 2 แหล่งเลี้ยง หลัง การทดลองมีปริมาณต่ำกว่าเริ่มต้นการทดลอง การอนุบาลลูกหอยจากพ่อแม่พันธุ์ทั้ง 2 แหล่ง พบว่าลูก หอยที่ได้จากพ่อแม่พันธุ์แหล่งธรรมชาติมีการเจริญเติบโตและอัตราการรอดที่สูงกว่าการใช้พ่อแม่พันธุ์จาก บ่อดิน การอนุบาลลูกหอยนางรมที่มีขนาด 5 มิลลิเมตร เป็นผลผลิตจากโรงเพาะฟัก ด้วยรูปแบบการ เลี้ยงแบบระบบทุ่นลอยน้ำ ที่ความหนาแน่นแตกต่างกัน 3 ระดับ คือ 800 1200 และ 1600 ตัวต่อ 854 ตารางเซนติเมตร พบว่า อัตราการเจริญเติบโตด้านความยาวและความกว้างเปลือก มีการเจริญเติบโตที่ดี ไม่แตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) อัตราการเจริญเติบโตจำเพาะลูกหอยตะโกรมกรามขาวที่เลี้ยงด้วยความ หนาแน่น 800 ตัวต่อชุดการทดลอง มีการเจริญเติบโตดีว่าชุดการทดลองอื่น (p<0.05) มีค่าเท่ากับ 11.24±0.24 เปอร์เซ็นต์ และอัตราการรอดทุกระดับความหนาแน่นมีอัตราการรอดเท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ การเลี้ยงลูกหอยนางรมด้วยตะกร้าพลาสติก 3 ชั้น ด้วยความหนาแน่น 7 ระดับ คือ 100 200 300 400 450 500 และ 550 ตัวต่อ 1,584 ตารางเซนติเมตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่า พบว่า อัตรา การเจริญเติบโตด้านความยาวและความกว้างเปลือก ไม่แตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) อัตราการ เจริญเติบโตจำเพาะดีที่สุด คือ ลูกหอยตะโกรมกรามขาวที่เลี้ยงในระดับความหนาแน่น 100 ตัวต่อพื้นที่ ตะกร้าพลาสติก มีความแตกต่างกับระดับความหนาแน่นอื่นอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) โดยมีค่าอัตราการ เจริญเติบโต เท่ากับ 2.37 มิลลิเมตรต่อวัน และอัตราการรอดของลูกหอยตะโกรมกรามขาวที่เลี้ยงด้วย ระดับความหนาแน่นแตกต่างกันทั้ง 7 ระดับ พบว่า ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) โดยอัตรา การรอดอยู่ระหว่าง 98.07-99.55 เปอร์เซ็นต์ การเลี้ยงลูกหอยนางรมด้วยตะแกรงพลาสติก 3 ชั้น ด้วยระดับความหนาแน่นแตกต่างกัน 4 ระดับ คือ 50 75 100 และ 125 ตัวต่อพื้นที่ 1,800 ตารางเซนติเมตรของตะแกรงพลาสติก อัตราการ เจริญเติบโตด้านความยาวและความกว้างเปลือก ไม่แตกต่างกันทางสถิติ (p>0.05) อัตราการเจริญเติบโต จำเพาะดีที่สุด พบว่า ลูกหอยตะโกรมกรามขาวที่เลี้ยงในระดับความหนาแน่น 75 ตัวต่อพื้นที่ของตะแกรง ค พลาสติก แต่ไม่มีความแตกต่างกับระดับความหนาแน่นอื่นอย่างมีนัยสำคัญ (p>0.05) และอัตราการรอด ของลูกหอยตะโกรมกรามขาวที่เลี้ยงด้วยระดับความหนาแน่นแตกต่างกันทั้ง 4 ระดับ ไม่พบตัวลูกหอย ตาย มีอัตราการรอด 100 เปอร์เซ็นต์ ปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมบริเวณแหล่งหอยนางรมทั้งการปรับสภาพพ่อแม่พันธุ์และการอนุบาล ลูกหอยในบ่อดินพบว่าอยู่ในช่วงที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง
รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสารประกอบโครงการ
  • -

ทีมวิจัย

ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ผศ.ดร. สุพัชชา ชูเสียงแจ้วคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังหัวหน้าโครงการ55
2รศ.ดร. สุวัจน์ ธัญรสคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังผู้ร่วมวิจัย5
3ปราณี อยู่เด็นคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังผู้ร่วมวิจัย10
4กัตตินาฏ สกุลสวัสดิพันธ์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังผู้ร่วมวิจัย15
5รศ.ดร. วรวุฒิ เกิดปรางคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังผู้ร่วมวิจัย15