โครงการวิจัย
การส่งเสริมการใช้นวัตกรรมวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรีดจากเส้นใยธรรมชาติเพื่อใช้ผลิตจิ้งหรีดคุณภาพในฟาร์มจิ้งหรีด
Promting the Use of Cricket Hiding Material Innovation from Natural Fibers for Producing the Quality Cricket in Cricket Farms
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2565 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | โครงการวิจัยและพัฒนา |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2564 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2565 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 6 กันยายน 2565 |
ประเภททุนวิจัย | ทุน วช. |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | ในการดำเนินงานเรื่อง "การพัฒนาวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืดจากเส้นใยธรรมชาติที่มีศักยภาพของประเทศไทย สู่การยกระดับจิ้งหรีดคุณภาพ" ทำให้สามารถพัฒนานวัตกรรมวัสดหลบซ่อนจิ้งหรืดจากเส้นใยธรรมชาติ ที่เป็นวัสดหลบซ่อนที่สะอาดและปราศจากสารปนเปื้อนหรือสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ ดังนั้น เพื่อให้เกษตรกรที่เลี้ยงจิ้งหรืดเกิดการรับรู้ในเทคโนโลยีการผลิตวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืด สามารถผลิตวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืดไว้ใช้ได้เองในฟาร์มเพื่อให้จิ้งหรีดมีคุณภาพมากขึ้น และเกิดการขยายผลการใช้วัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืดไปยังฟาร์มต่าง ๆ ในวงกว้าง ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องศึกษา โดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อ การถ่ายทอดองค์ความรู้และขยายผลการใช้วัสดุหลบซ่อนจิ้งหรีดจากเส้นใยธรรมชาติไปยังฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรืดต่าง ๆ และสร้างการยอมรับวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืดจากเส้นใยธรรรมชาติ ผ่านการใช้เลี้ยงจิ้งหรืดในฟาร์มเกษตรกร ซึ่งผลจากการทดลอง พบว่า ฟาร์มจิ้งหรืดที่มีความพร้อมตามเงื่อนไขของโครงการสำหรับการเป็นฟาร์มทดลองใช้วัสดุหลบซ่อนชนิดใหม่มีจำนวนทั้งสิ้น 5 ฟาร์มในจังหวัดนครศรีธรรมราช และเมื่อนำวัสดุหลบซ่อนจากฟางข้าวไปทดลองใช้ในฟาร์มจิ้งหรืด พบว่า ฟาร์มจิ้งหรืดร้อยละ 60 ไม่พบความแตกต่างทางสถิติ (P>0.05) ของความยาวลำตัวและน้ำหนักตัวทั้วทั้งจิ้งหรืดเพศผู้และเพศเมีย ระหว่างการเพาะเลี้ยงตัวยวัสดุหลบซ่อนที่ทำจากเส้นไยฟางข้าวและแผงไข่กระดาษ อย่างไรก็ตาม ฟาร์มจิ้งหรืดร้อยละ 40 เมื่อได้มีการจัดเรียงวัสดุหลบซ่อนจากฟางข้าวในรูปแบบแนวตั้งสลับแนวนอน พบว่า จิ้งหรืดทั้งเพศผู้และเพศเมียที่เลี้ยงด้วยวัสดุหลบซ่อนจากฟางข้าว มีความยาวลำตัวและน้ำหนักตัวสูงกว่าการเลี้ยงจิ้งหรืดด้วยวัสดุหลบซ่อนจากแผงไข่กระดาษ นอกจากนี้ ผลวิเคราะห์ระดับความพึงพอใจในภาพรวมของเกษตรผู้เลี้ยงจิ้งหรืดที่เป็นฟาร์มขนาดย่อยต่อการใช้วัดหลบซ่อนชนิดใหม่ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.24 ขณะเดียวกัน เมื่อได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตวัสดุหลบซ่อน พบว่า ต้นทุนการผลิตรวมของวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืดจากฟางข้าวในปัจจุบัน คือ 3.30 บาท นอกจากนั้น ผลการถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืดชนิดใหม่ ณ วิสาหกิจชุมชนชนปลูกผักปลอดภัยสารพิษ เพื่อให้เป็นผู้ผลิตวัสดุหลบซ่อนจิ้งหรืดชนิดใหม่ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรืดฟาร์มต่าง ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชได้รู้จักกัน และเกิดการสร้างกลุ่มไลน์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อใช้เป็นช่องทางในการติดสื่อสื่อสารกันระหว่างเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดฟาร์มต่าง ๆ ซึ่งหลังจากมีกลุ่มไลน์ เกษตรกรได้มีการติดต่อระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนไซจิ้งหรืด และการสั่งซื้ออาหารจิ้งหรีด เป็นต้น |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | 1) ฟาร์มจิ้งหรีดของวิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดภัยสารพิษ ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช 2) ฟาร์มจิ้งหรีดของนางสาวผ่องศรี กรดแก้ว ต.ทางพูน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช 3) ฟาร์มจิ้งหรีดของนางสุทธิดา เพ็ชโกมล ต.นาเรียง อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช 4) ฟาร์มจิ้งหรีดออมวดี ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช 5) กิจรุ่งเรืองฟาร์ม นครศรี ต.ท่าเรือ อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ชาตรี หอมเขียว | คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | หัวหน้าโครงการ | 45 |
2 | รศ. วรพงค์ บุญช่วยแทน | คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
3 | รัตนา อุ่นจันทร์ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
4 | ฐานวิทย์ แนมใส | คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
5 | ผศ.ดร. พัชราภรณ์ วาณิชย์ปกรณ์ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 15 |
6 | ชัยณรงค์ ศรีวะบุตร | คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |