โครงการวิจัย
ประสิทธิภาพของหินโรยทางรถไฟที่ปรับปรุงด้วยมวลรวมจากยางรถยนต์ภายใต้แรงกระทำวัฏจักร
Performance of the railway ballast improved with tire-derived aggregate under cyclic loading
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2566 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | โครงการวิจัยและพัฒนา |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2565 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2566 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2565 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณรายได้ |
สถานะโครงการ | สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | โครงสร้างทางรถไฟแบบหินโรยทางประกอบด้วยโครงสร้างส่วนบนและโครงสร้างส่วนล่าง ซึ่งความสมบูรณ์ของโครงสร้างจาก 2 ส่วนนี้ ส่งผลถึงความปลอดภัยในการสัญจรและความสะดวกสบายของผู้โดยสาร ความเสื่อมของหินโรยทางเกิดจากการขัดสีและกดกระแทกภายใต้น้ำหนักของขบวนรถ จนเกิดการแตกเป็นผง เป็นเหตุให้ต้องทำความสะอาดหรือเปลี่ยนหินโรยทางในที่สุด ขณะที่ยางล้อรถเป็นผลิตภัณฑ์จากยางชนิดหนึ่งที่มีปริมาณการผลิตและการใช้งานสูง ส่งผลให้ยางล้อรถที่ใช้งานแล้วกลายเป็นของเสียเป็นปริมาณมาก ปัจจุบันการนำยางรถรีไซเคิลมาใช้เป็นวัสดุในงานวิศวกรรมโยธามีการวิจัยและประยุกต์ใช้จริงมากขึ้น ขณะที่ในงานทางรถไฟมีงานวิจัยมากขึ้นโดยเฉพาะในต่างประเทศ ในขณะที่ในประเทศไทยนั้นเพิ่งเริ่มได้รับความสนใจ ดังนั้น งานวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นศึกษาแนวทางการปรับปรุงชั้นหินโรยทางรถไฟด้วยการแทนที่หินโรยทางบางส่วนด้วยเศษยางรถยนต์รีไซเคิล ขั้นตอนงานวิจัยประกอบด้วย การทดสอบสมบัติพื้นฐานของหินโรยทางและยางรถยนต์ย่อยรีไซเคิล ออกแบบและสร้างกล่องทดสอบหินโรยทาง ทำการทดสอบหินโรยทางผสมยางรถยนต์รีไซเคิลในปริมาณ 5%, 10% และ 15% โดยปริมาตรของหินโรยทางภายใต้การรับน้ำหนักแบบวัฏจักร พร้อมทั้งวิเคราะห์และประเมินพารามิเตอร์ต่าง ๆ จากนั้นนำเสนอปริมาณยางรถยนต์ย่อยรีไซเคิลที่เหมาะสมที่จะช่วยลดการเสื่อมสภาพของหินโรยทางรถไฟ การเสื่อมสภาพของหินโรยทางอธิบายได้จากค่าการแตก ซึ่งประกอบด้วยค่าการแตกสัมพัทธ์ (Bg) แฟคเตอร์อนุภาคการแตก (B10) และดัชนีการแตกของหินโรยทาง (BBI) ผลการศึกษาพบว่า ค่า Bg, B10, BBI กรณีที่ผสมยางรถยนต์ย่อยรีไซเคิล (TDA) มีค่าน้อยกว่ากรณีใช้หินโรยทางล้วนทั้งหมด โดยค่าการแตกทั้งหมดมีแนวโน้มลดลงเมื่อใช้ TDA ในปริมาณ 5% และเริ่มมีโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ TDA มากกว่า 5% อนุภาคหินโรยทางหลังจากรับน้ำหนักวัฏจักรทั้งกรณีผสมและไม่ผสม TDA มีลักษณะเป็นเหลี่ยมเป็นมุม โดยส่วนละเอียดมีค่า %Passing ลดลงประมาณ 78%, 86% และ 90% สำหรับส่วนผสม 5%, 10% และ15% ตามลำดับ พฤติกรรมด้านกำลังของหินโรยทางภายใต้การรับน้ำหนักวัฏจักรอธิบายได้จากค่าการทรุดตัวในแนวดิ่ง ค่าความเครียดแนวดิ่ง ค่าความแข็งแกร่ง และค่าอัตราหน่วง พบว่า เมื่อหินโรยทางรับน้ำหนักจะเกิดการเสียรูปพลาสติกขึ้นอย่างรวดเร็วมากถึงประมาณ 1,000 รอบ หลังจากนั้นอัตราการทรุดตัวจะค่อยๆ ลดลงเมื่อน้ำหนักกระทำถึงประมาณ 10,000 รอบ จากนั้นยังคงมีเสถียรภาพ โดยมีการทรุดตัวเกือบคงที่ เมื่อพิจารณาจากรูปแบบการเสื่อมสภาพและพฤติกรรมด้านกำลังของหินโรยทางภายใต้การรับน้ำหนักวัฏจักรพบว่า การใช้ยางรถยนต์ย่อยรีไซเคิลเป็นชั้นหินโรยทางในปริมาณไม่เกิน 15% โดยปริมาตรสามารถช่วยลดการเสื่อมสภาพของหินโรยทางได้อย่างมีนัยสำคัญ |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสาร Final Paper(s) |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | อรุณ ลูกจันทร์ | คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | หัวหน้าโครงการ | 50 |
2 | ดร. อาศิส อัยรักษ์ | คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | ผู้ร่วมวิจัย | 25 |
3 | สมมาตร์ สวัสดิ์ | คณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลา | ผู้ร่วมวิจัย | 25 |