โครงการวิจัย
สมรรถภาพการผลิตและคุณภาพซากของไก่ลูกผสมที่เกิดจากพ่อพันธุ์พื้นเมืองและแม่พันธุ์ มทส.
Productive Performance and Carcass Quality of Crossbred Chicken between Dang Sire and SUT Dam
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2565 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการย่อย |
โครงการหลัก (Master Project) | การวิจัยและพัฒนาการเลี้ยงไก่พื้นเมือง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร |
ประเภทงานวิจัย | โครงการประยุกต์ |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2564 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2565 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 ธันวาคม 2564 |
ประเภททุนวิจัย | ทุน ววน. |
สถานะโครงการ | แล้วเสร็จ(ค้างส่งผลผลิต) |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | แผนงานวิจัยนี้ประกอบด้วยโครงการย่อย 5 โครงการ วัตถุประสงค์ของชุดโครงการเพื่อสร้าง และพัฒนาการผลิตไก่พื้นเมืองและไก่ลูกผสมพื้นเมืองเชิงการค้า เพื่อยกระดับและเพิ่มรายได้ให้แก่ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่พื้นเมืองและไก่ลูกผสมพื้นเมือง และสร้างความมั่งคงของอาชีพการเลี้ยงสัตว์ เพื่อ ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการจัดการด้านการผลิตไก่พื้นเมืองและไก่ลูกผสมพื้นเมืองที่มีประสิทธิภาพ และ เพื่อพัฒนาการผลิตไก่พื้นเมืองและไก่ลูกผสมพื้นเมืองตลอดห่วงโซ่อุปทาน ปรากฏผลการวิจัย ดังนี้ โครงการวิจัยย่อยที่ 1 การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประมาณค่าพารามิเตอร์ทาง พันธุกรรมของน้าหนักตัวไก่แดง อายุ 4, 8, 12 และ 16 สัปดาห์ ทาการวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โมเดลตัว สัตว์ที่วิเคราะห์ครั้งละหลายลักษณะ (multiple-trait) โดยจาแนกปัจจัยคงที่ออกเป็นอิทธิพลคงที่ เนื่องจากเพศ และ ชุดฟัก และสาหรับปัจจัยสุ่มเป็นอิทธิพลเนื่องจากตัวสัตว์ และความคลาดเคลื่อน ประมาณค่าองค์ประกอบความแปรปรวนโดยวิธี Restriction Maximum Likelihood (REML) ผล การศึกษา พบว่า ค่าอัตราพันธุกรรมของน้าหนักตัวไก่แดง อายุ 4, 8, 12 และ 16 สัปดาห์ มีค่าในระดับ ปานกลางถึงสูง (0.22–0.49) ค่าสหสัมพันธ์ทางพันธุกรรมมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลางถึง สูง (0.49–0.85) จากผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงพันธุ์เพื่อเพิ่มน้าหนักตัวในไก่แดงสามารถใช้ วิธีการคัดเลือกสามารถที่เพิ่มก้าวหน้าทางพันธุกรรม ทางพันธุกรรมโดยสามารถพิจารณาปรั บปรุง ลักษณะน้ าหนักตัวได้ตั้งแต่อายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป โครงการวิจัยย่อยที่ 2 การทดลองนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาการเก็บรักษาน้าเชื้อไก่ พื้นเมืองภาคใต้แบบแช่เย็นและแบบแช่แข็งต่ออัตราการผสมติด แบ่งออกเป็น 2 การทดลอง ดังนี้ การทดลองที่ 1 การศึกษาชนิดของน้ายาเจือจาง และระยะเวลาการเก็บรักษาน้าเชื้อ แบบแช่เย็นต่อคุณภาพน้าเชื้อ และอัตราการผสมติด วางแผนการทดลองแบบ 3x3x4 แฟคทอเรียลใน บล็อกสมบูรณ์ ปัจจัยแรก ได้แก่ พ่อพันธุ์ไก่พื้นเมือง ประกอบด้วย ไก่แดง ไก่เบตง และไก่คอล่อน ปัจจัยที่สอง ชนิดของน้ายาเจือจางน้าเชื้อ ได้แก่ IGGKPh EK และ TNCE และระยะเวลาการเก็บรักษา 0 6 12 และ 24 ชั่วโมง โดยใช้ไก่พ่อพันธุ์ จ านวน 36 ตัว สายพันธุ์ละ 12 ตัว ใช้ไก่เพศเมีย 216 ตัว สาย พันธุ์ละ 72 ตัว ทาการรีดน้าเชื้อสัปดาห์ละ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ จานวน 6 สัปดาห์ เก็บรักษาน้าเชื้อที่ 5 องศาเซลเซียส พบว่า สายพันธุ์ไก่แดง เบตง และคอล่อน มีอัตราการรอดชีวิตจากการเก็บรักษาน้าเชื้อ แบบแช่เย็นไม่แตกต่างกัน การใช้น้ายาเจือจางน้าเชื้อสูตร IGGKPh EK และ TNCE สามารถใช้ในการ (ค) เก็บรักษาน้ าเชื้อไก่พื้นเมืองภาคใต้ได้ไม่แตกต่างกัน แต่การเก็บรักษาน้ าเชื้อแบบแช่เย็น ชั่วโมงที่ 0 และ 6 มีอัตรารอดชีวิตไม่แตกต่างกัน (P>0.05) แต่เมื่อระยะเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 12 และ 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ อัตราการรอดชีวิตของอสุจิ และอัตราการฟักออก (P<0.05) การทดลองที่ 2 ผลของสายพันธุ์ไก่พื้นเมืองภาคใต้ และชนิดของน้ายาเจือจางน้าเชื้อที่ เก็บรักษาด้วยวิธีการแช่แข็ง และอัตราการผสมติด วางแผนการทดลองแบบ 3x2 แฟคทอเรียลในบล็อก สมบูรณ์ ท าการศึกษาจ านวน 6 ซ้ า ปัจจัยที่ศึกษา ปัจจัยแรก ได้แก่ พ่อพันธุ์ไก่พื้นเมือง ประกอบด้วย ไก่ แดง ไก่เบตง และไก่คอล่อน ปัจจัยที่สอง ชนิดของน้ายาเจือจางน้าเชื้อ Schramm และ TNCE ทาการ รีดน้ าเชื้อสัปดาห์ละ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ใช้พ่อพันธุ์ไก่แดง เบตง และคอล่อน สายพันธุ์ละ 12 ตัว รวม 36 ตัว แม่พันธุ์ 72 ตัว สายพันธุ์ละ 24 ตัว สายพันธุ์ไก่คอล่อน และไก่เบตง มีเปอร์เซ็นต์อสุจิมีชีวิต และ อสุจิรูปร่างปกติก่อนการแช่แข็งสูงกว่าไก่แดง (P<0.01) ภายหลังการแช่แข็ง ไก่คอล่อนมีการเคลื่อนที่ (P<0.01) การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและการเคลื่อนที่วิถีโค้ง(P<0.05) เปอร์เซ็นต์อสุจิมีชีวิต อสุจิรูปร่าง ปกติ(P<0.01) และอัตราการผสมติดสูง (P<0.05) และปริมาณการเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชันต่ากว่า (P<0.01) ไก่แดงและไก่เบตง สูตรน้ายาสาหรับการแช่แข็งสูตร TNCE มีเปอร์เซ็นต์อสุจิรอดชีวิตและ อัตราการผสมติดสูงกว่าสูตร Schramm และมีอัตราการเกิดลิปิดเปอร์ออกซิเดชันต่ า (P<0.05) โครงการวิจัยย่อยที่ 3 การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสมรรถภาพการผลิตของไก่ ลูกผสมที่เกิดจากพ่อพันธุ์ไก่แดงและแม่พันธุ์ มทส. ใช้ไก่ทดลอง จานวน 3 สายพันธุ์ คือ ไก่ลูกผสม พื้นเมืองที่เกิดจากพ่อพันธุ์ไก่แดงสุราษฎร์ธานี กับแม่พันธุ์ มทส. ไก่พื้นเมือง (ไก่แดง) และไก่ลูกผสม พื้นเมืองสายพันธุ์อื่น คละเพศ อายุ 1 วัน จานวนทั้งหมด 750 ตัว โดยแบ่งไก่ออกเป็น 3 กลุ่มๆ ละ 10 ซ้า ๆ ละ 25 ตัว วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด (completely randomized design: CRD) ให้ไก่ ได้รับอาหารและน้ าอย่างเต็มที่ จากการศึกษาพบว่า ตลอดระยะของการทดลอง 0-16 สัปดาห์ พบว่า ไก่ ลูกผสมพื้นเมืองสายพันธุ์อื่นมีสมรรถภาพการผลิตและคุณภาพซากดีที่สุด รองลงมาคือ ไก่ลูกผสมเกิด จากพ่อพันธุ์ไก่แดงสุราษฎร์ธานีและแม่พันธุ์ มทส. และ ไก่พื้นเมือง (ไก่แดง) ตามล าดับ โครงการวิจัยย่อยที่ 4 บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการผลิตและการ จัดการเลี้ยงไก่พื้นเมืองและไก่ ลูกผสมพื้นเมืองของเกษตรกร 2) ศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจากการ เลี้ยงไก่พื้นเมืองและไก่ลูกผสมพื้นเมือง 3) เปรียบเทียบต้นทุนและผลตอบแทนจากการเลี้ยงไก่พื้นเมือง และไก่ลูกผสมพื้นเมือง กลุ่มเป้าหมาย คือ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่พื้นเมือง ในเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง และพัทลุง จานวน 80 ราย เก็บข้อมูลจังหวัดละ 20 ราย และเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ลูกผสมพื้นเมืองที่สมัครใจเลี้ยง กรณีศึกษา จ านวน 2 ราย และน าข้อมูลมาวิเคราะห์ต้นทุน ผลตอบแทน และใช้เครื่องมือทางการเงินประเมินโครงการ 3 วิธี ได้แก่ อัตรากาไรขั้นต้น อัตรากาไรสุทธิ และการ วิเคราะห์จุดคุ้มทุน ผลการวิจัยพบว่า 1) เกษตรกรส่วนใหญ่เลี้ยงไก่พื้นเมืองต่ ากว่า 100 ตัว มี ประสบการณ์ในการเลี้ยงไก่ ต่ ากว่า 5 ปี ระยะเวลาในการเลี้ยงเฉลี่ยต่อรุ่น ต่ ากว่า 5 เดือน ใช้น้าประปา (ง) และใช้แรงงานของตนเองหรือคนในครอบครัว 2) ต้นทุนในการลงทุนเลี้ยงไก่พื้นเมือง 39.83 บาทต่อ กิโลกรัม และผลตอบแทนของการเลี้ยง ไก่พื้นเมือง จานวน 1,137,318.00 บาทต่อปี ส่วนต้นทุนในการ ลงทุนเลี้ยงไก่ลูกผสมพื้นเมือง 102.91 บาทต่อกิโลกรัม และผลตอบแทนของการเลี้ยงไก่ลูกผสมพื้นเมือง จ านวน 2,880.00 บาทต่อปี 3) เกษตรกรผู้เลี้ยง ไก่พื้นเมืองมีอัตราก าไรขั้นต้น 53.04% อัตราก าไรสุทธิ 48.80% จุดคุ้มทุน (หน่วยขาย) 803 ตัว และจุดคุ้มทุน (ยอดขาย) 115,632.00 บาท ส่วนเกษตรกรผู้ เลี้ยงไก่ลูกผสมพื้นเมืองมีอัตรากาไรขั้นต้น (109.62%) อัตรากาไรสุทธิ (114.13%) จุดคุ้มทุน (หน่วย ขาย) 24 ตัว และจุดคุ้มทุน (ยอดขาย) 3,456.00 บาท ผลการประเมินโครงการแสดงให้เห็นว่า เกษตรกร ควรตัดสินใจเลือกเลี้ยงไก่พื้นเมือง เนื่องจากมีอัตรากาไรขั้นต้นและอัตรากาไรสุทธิมากกว่าการเลี้ยงไก่ ลูกผสมพื้นเมือง นอกจากนี้สามารถนาไปใช้เป็นแนวทางสาหรับเกษตรกรและผู้ที่ สนใจในการนาข้อมูล ที่ได้ไปวางแผนลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ เพื่อก่อให้เกิดความเข้มแข็งในการผลิต และพัฒนา เศรษฐกิจพื้นบ้านสู่ความมั่นคงและยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นข้อมูลให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจใช้ในการ ตัดสินใจเลือกลงทุน โครงการวิจัยย่อยที่ 5 บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเลือกซื้อเนื้อไก่ ของผู้บริโภคในเขตภาคใต้ตอนบน ตลอดจนปัจจัยด้านการตลาดที่ส่งผลต่อการเลือกซื้อเนื้อไก่ ซึ่งผล การศึกษาด้านพฤติกรรมและปัจจัยด้านการตลาดที่ส่งผลต่อการเลือกซื้อเนื้อไก่จะเป็นประโยชน์ในการ ส่งเสริมและพัฒนาการผลิตและการตลาดเนื้อไก่เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค การวิจัย ใช้แบบสอบถามผู้ที่ซื้อหรือเคยซื้อเนื้อไก่สดในเขตภาคใต้ตอนบน จ านวน 196 ราย ด้วยวิธีการสุ่ม ตัวอย่างแบบตามสะดวก การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการศึกษาพบว่า ในครอบครัวโดยส่วนใหญ่บริโภคเนื้อไก่ โดยมีเหตุผลในการบริโภคเนื้อไก่ เพราะเนื้อ ไก่หาซื้อง่าย ท าอาหารได้หลากหลายมีรูปแบบการปรุงอาหารเอง ส่วนใหญ่เลือกซื้อไก่พันธุ์เนื้อไปบริโภค สถานที่ที่ซื้อเนื้อไก่เพื่อมาบริโภค คือตลาดสด เพราะเนื้อไก่มีความสดใหม่ ในขณะที่ชิ้นส่วนเนื้อหน้าอก ของเนื้อไก่ผู้บริโภคนิยมเลือกทานหรือนาไปประกอบอาหาร เพราะเนื้อไก่ตรงส่วนนั้นสามารถน าไปปรุง อาหารได้หลายอย่าง ในขณะที่ระดับของปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อเนื้อไก่โดยเฉลี่ยด้านสถานที่จัด จาหน่ายสาคัญระดับมากที่สุด ในขณะที่ด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคาและด้านการส่งเสริมการตลาดโดย เฉลี่ยระดับมา |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | |
เอกสารประกอบโครงการ |
|
ทีมวิจัย

ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ผศ. ประพจน์ มลิวัลย์ | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 50 |
2 | ผศ.ดร. เสาวณีย์ ชัยเพชร | คณะอุตสาหกรรมเกษตร ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
3 | ผศ. สมคิด ชัยเพชร | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |
4 | ณปภัช ช่วยชูหนู | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |