การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลชนิดผงสำเร็จรูปจากสารสกัดข้าวไร่หอมบอน

Development of prototype beverage by instant functional powder from Rai Hombon rice extract

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2566
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการพื้นฐาน
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2565
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2566
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 16 พฤศจิกายน 2565
ประเภททุนวิจัย งบประมาณรายได้
สถานะโครงการ สิ้นสุดโครงการ(ส่งผลผลิตเรียบร้อยแล้ว)
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ

  การแข่งขันในโลกธุรกิจอาหารซึ่งเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันได้ง่าย อาหารฟังก์ชันหรือ Functional Foods ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาหารแห่งอนาคตที่เป็นทางเลือกที่น่าสนใจของกลุ่มคนหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพซึ่งมีจำนวนมากขึ้นในปัจจุบันในการช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพและโรคต่าง ๆ ตามมา เมื่อกล่าวถึงปัญหาสุขภาพของประชากรโลก องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่ากลุ่มโรค NCDs หรือโรคกลุ่มที่ไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable diseases: NCDs) เป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากสาเหตุการเสียชีวิต 63% ของประชากรโลกทั้งหมดเกิดจากกลุ่มโรค NCDs สำหรับประเทศไทย สถิติล่าสุดพบว่ามีถึง 14 ล้านคนที่เป็นโรคในกลุ่มโรค NCDs และที่สำคัญยังถือเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของประชากรทั้งประเทศคิดเป็น 74% ของการเสียชีวิตของประชากรไทยทั้งหมดในปี 2559 (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, 2564) สำหรับ 6 โรคในกลุ่มโรค NCDs ที่มีอัตราผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วนลงพุง รวมถึง โรคไตเรื้อรัง โรคไขมันในเลือดสูง โรคมะเร็ง โรคทางพันธุกรรม โรคตับแข็ง และโรคสมองเสื่อม (อัลไซเมอร์) เป็นต้น ซึ่งเกิดจากปัจจัยเสี่ยง คือ พฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม เช่น เหล้า บุหรี่ อาหาร (หวาน-มัน-เค็มจัด) การออกกำลังกายไม่เพียงพอ ความเครียด และกรรมพันธุ์

         จากปัญหาสุขภาพข้างต้นคนส่วนใหญ่จึงหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ และการออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ และอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมกันมากในปัจจุบัน คือ การเลือกรับประทานอาหารฟังก์ชันเพื่อการดูแลและป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพที่ตรงจุดมากขึ้น เนื่องจากอาหารฟังก์ชันจะมีสารอื่น (สารสำคัญ) ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกเหนือจากมีสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยป้องกันและรักษาโรคได้ ได้แก่ สารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต และสารกลุ่มพอลิฟีนอล (Polyphenols) เป็นต้น งานวิจัยนี้จึงสนใจศึกษาอาหารฟังก์ชันจากสารสกัดข้าวไร่หอมบอน ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์สังข์หยดที่มีการปรับปรุงพันธุ์ที่นิยมปลูกแซมในสวนยางพาราหรือสวนปาล์มน้ำมันที่มีอายุไม่เกิน 3 ปี โดยไม่ต้องใช้น้ำหรือนาในการปลูก อีกทั้งพื้นที่นาในภาคใต้ก็มีจำนวนน้อยลงอีกทั้งเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ของเกษตรกร นอกจากนั้นยังพบว่าคนในพื้นที่ภาคใต้นิยมรับประทานเป็นจำนวนมากเนื่องจากข้าวไร่หอมบอนมีความอร่อย มีกลิ่นหอมที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ และมีความปลอดภัยสูง และจากการทบทวนวรรณกรรมมีข้อมูลทางโภชนการของข้าวไร่หอมบอนน้อย แต่เนื่องจากข้าวดังกล่าวเป็นสายพันธุ์สังข์หยดพัทลุงที่ผ่านการปรับปรุงพันธุ์ ดังนั้นด้วยองค์ประกอบทางเคมีของข้าวสังข์หยดพัทลุงที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่สูงมากเมื่อเทียบกับข้าวทั่วไป เนื่องจากอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีกลไกช่วยป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคจากความเสื่อมของเซลล์ ช่วยชะลอความชราและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต่าง ๆ ที่มักพบในผู้สูงวัย สาร Gamma Amino Butyric Acid (GABA) ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยลดโอกาสในการเป็นมะเร็งได้เป็นอย่างดี มีธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัสสูง ซึ่งมีประโยชน์ในการบำรุงโลหิต บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอ เสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน และปริมาณไนอาซินที่สูงมากช่วยในการป้องกันสภาวะการผิดปกติทางระบบประสาทและความจำเสื่อม

           ดังนั้นการศึกษาในครั้งนี้มีความสนใจในการผลิตเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลชนิดผงสำเร็จรูปจากสารสกัดข้าวไร่หอมบอนสำหรับสำหรับผู้สูงวัย วัยทำงานและกลุ่มโรค NCD เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยนำองค์ความรู้ และนวัตกรรม การสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้าวไร่หอมบอนโดยการนำมาสู่กระบวนการผลิตเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลชนิดผงสำเร็จรูปจากสารสกัดข้าวไร่หอมบอน ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้จากการปลูกให้กับเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่อำเภอทุ่งสงและอำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งจัดอยู่ในกระบวนการต้นน้ำ อีกทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นโดยการนำองค์ความรู้ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม สู่กระบวนการผลิตที่ผ่านมาตรฐานในรูปแบบของเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลชนิดผงสำเร็จรูปพร้อมดื่มต้นแบบ (Prototype product) อีกทั้งโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มฟังก์ชัน จะช่วยก่อให้เกิดการ “ยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่หอมบอนในชุมชนให้ดีขึ้น” นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เสมอภาคของสังคมไทย ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้เกษตรกรไทยมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากอาหารฟังก์ชันเพื่อการดูแลและป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพในผู้สูงวัย วัยทำงานหรือกลุ่มโรค NCD ได้ในอนาคต

รายละเอียดการนำไปใช้งาน
1. ด้านวิชาการ; ได้องค์ความรู้ทางวิชาการเรื่ององค์ประกอบทางเคมี คุณค่าทางโภชนาการและโภชนเภสัชของข้าวไร่หอมบอน และกรรมวิธีในการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเชิงฟังก์ชันเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย วัยทำงานและกลุ่มโรค NCD อีกทั้งการเผยแพร่ผลงานวิจัยในระดับชาติหรือนานาชาติ และการจดอนุสิทธิบัตรของกรรมวิธีหรือกระบวนการการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารเชิงฟังก์ชันเพื่อสุขภาพ
2. ด้านเศรษฐกิจ; การสร้างมูลค่าเพิ่มของ Functional foods อาหารเพื่อสุขภาพจากข้าวไร่ หรือการสร้างธุรกิจใหม่ในการผลิต Functional foods เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประเทศภายใน 5 ปี
3. ด้านสังคมและชุมชน; การส่งเสริมรายได้ให้กับเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย สร้างเกษตรกรต้นแบบในพื้นที่อำเภอทุ่งสงและอำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช อีกทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นโดยการนำองค์ความรู้ ผลงานวิจัยและนวัตกรรม สู่กระบวนการผลิตที่ผ่านมาตรฐานในรูปแบบของเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลชนิดผงสำเร็จรูปพร้อมดื่มต้นแบบ (Prototype product) อีกทั้งช่วยก่อให้เกิดการ “ยกระดับมาตรฐานการครองชีพและความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวไร่หอมบอนในชุมชนให้ดีขึ้น” นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และความไม่เสมอภาคของสังคมไทย ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้เกษตรกรไทยมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน

เอกสาร Final Paper(s)
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1สินีนาฏ อารีกิจคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ60
2สุณิษา คงทองคณะสัตวแพทยศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย40