โครงการวิจัย
การพัฒนาถ่านกรดอะมิโนมูลค่าสูงจากของเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมอาหารทะเลภาคใต้
Development of high-value amino acid biochar from waste in the southern sea food industry
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2567 | |||||||||||||||||||||||||
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | ||||||||||||||||||||||||||
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ | |||||||||||||||||||||||||
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว | |||||||||||||||||||||||||
ประเภทงานวิจัย | โครงการพื้นฐาน | |||||||||||||||||||||||||
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2566 | |||||||||||||||||||||||||
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2567 | |||||||||||||||||||||||||
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 พฤศจิกายน 2566 | |||||||||||||||||||||||||
ประเภททุนวิจัย | ทุน ววน. | |||||||||||||||||||||||||
สถานะโครงการ | แล้วเสร็จ(ค้างส่งผลผลิต) | |||||||||||||||||||||||||
เลขที่สัญญา | ||||||||||||||||||||||||||
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ | |||||||||||||||||||||||||
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ | |||||||||||||||||||||||||
บทคัดย่อโครงการ | สารบำรุงพืชกรดอะมิโนเป็นสารบำรุงพืชชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจในวงการเกษตรไทยเป็นอย่างมาก
เนื่องจากกรดอะมิโนช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช
โดยการรดหรือฉีดพ่นให้กับพืชทำให้พืชมีการเจริญเติบโตดีขึ้น และมีอายุการเก็บเกี่ยวยาวนานขึ้น นอกจากนี้การผลิตสารบำรุงกรดอะมิโนเป็นเทคโนโลยีที่เกษตรกรสามารถผลิตเองได้
และเป็นการนำเอาวัสดุเหลือทิ้งจากภาคเกษตรกรรมหรือภาคอุตสาหกรรมอาหารมาทำให้เกิดประโยชน์
และยังสามารถนำมาใช้ในเกษตรแบบอินทรีย์ ปัจจุบันบริษัทปลาณีตฟาร์ม จำกัด
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ผลิตสารบำรุงพืชกรดอะมิโนจากเศษหัวปลาและก้างปลา
จากของเหลือทิ้งในกระบวนการแปรรูปอาหารอาหารทะเลของบริษัทในเครือ ซึ่งสามารถผลิตกรดอะมิโนเหลวได้ 1,000 ลิตร/วัน
และลดของเสียที่ต้องกำจัดทิ้งในอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามบริษัทกำลังประสบปัญหาผลิตภัณฑ์สารบำรุงพืชกรดอะมิโนเหลวของบริษัทภายหลังการบรรจุจะเกิดการหมักของจุลินทรีย์ต่อ
ทำให้บรรจุภัณฑ์เกิดการบวม และมีค่าใช้จ่ายสูงในการขนส่ง จากโจทย์วิจัยดังกล่าวข้างต้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์สารบำรุงพืชกรดอะมิโนในรูปแบบอื่น
ๆ จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายตลาด และลดปัญหาในการดำเนินการ อย่างไรก็ตามกรดอะมิโนสามารถละลายน้ำได้ดี
จึงสูญเสียไปกับการชะล้างของน้ำ โดยปุ๋ยที่มีองค์ประกอบของไนโตรเจนจะเกิดการชะล้างมากที่สุด
และอาจเกิดเป็นแก๊สแอมโมเนีย หรือแก๊สไนโตรเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกรดอะมิโนที่มีองค์ประกอบหลักเป็นไนโตรเจน
ดังนั้นการใช้วัสดุช่วยดูดซับจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดการสูญเสียของธาตุอาหารที่สนใจ
โดยวัสดุดูดซับที่มีราคาถูก และมีประโยชน์ต่อการเพาะปลูกชนิดหนึ่ง คือ ถ่านชีวภาพ
โดยถ่านชีวภาพมีรูพรุนตามธรรมชาติเมื่อใส่ลงในดิน จะช่วยเพิ่มช่องว่างอากาศ การดูดซึมน้ำ
การอุ้มน้ำ ดูดยึดธาตุอาหาร เป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์ เมื่อนำถ่านชีวภาพมาผสมกับปุ๋ยหมัก
หรือปุ๋ยคอก จะช่วยเก็บธาตุอาหารจากปุ๋ย
และเป็นที่อยู่ของจุลินทรีย์จึงช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารให้แก่พืชได้นาน และสามารถกักเก็บคาร์บอนตัดวงจรการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้
ซึ่งจะเป็นการเพิ่มคาร์บอนให้แก่ดินแทนที่จะเผาให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยทีมผู้วิจัยมีความสนใจในการนำวัสดุเหลือทิ้งของอุตสาหกรรมอาหารในภาคใต้ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นถ่านชีวภาพและใช้เป็นตัวดูดซับกรดอะมิโนสำหรับงานวิจัยนี้
คือ ทะลายปาล์มเปล่า และเปลือกโกโก้ นอกจากนี้เศษผงถ่านจากระบวนการเผาถ่าน
ยังเป็นอีหนึ่งวัสดุที่มีความน่านใจ ทะลายเปล่าปาล์มน้ำมันในปี 2564 มีปริมาณ
298,036 ตัน/ปี และมีการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น
ภาคเกษตรกรรม 101,887 ตัน/ปี ภาคอุตสาหกรรม 187,868 ตัน/ปี
และมีปริมาณเหลือทิ้ง
8,281 ตัน/ปี จึงมีความจำเป็นในการศึกษาการใช้ประโยชน์เพิ่มเติมของทะลายเปล่าปาล์มน้ำมันในส่วนที่เหลือทิ้ง
นอกจากนี้ทะลายเปล่าปาล์มน้ำมันยังมีธาตุไนโตรเจน 0.32% ฟอสฟอรัส 0.09% และโพแทสเซียม 0.12% ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดิน
สำหรับเปลือกโกโก้เป็นวัสดุเหลือทิ้งอีกชนิดหนึ่งจากกระบวนการผลิตเมล็ดโกโก้แห้ง
ในประเทศไทยโดยเฉพาะภาคใต้ มีเกษตรกรปลูกโกโก้เป็นพืชแซมจำนวนมาก
โดยผลผลิตเมล็ดโกโก้ในปี
2562 ของจังหวัดนครศรีธรรมราชมีปริมาณสูงถึง 25,800 กก. ซึ่งเป็นอันดับสองของประเทศรองจากจังหวัดจันทบุรี
ซึ่งมีปริมาณผลผลิต 79,240 กก. ในแต่ละปีจะมีเปลือกโกโก้เหลือทิ้งเป็นจำนวนมาก
โดยเปลือกโกโก้แห้งประกอบด้วย คาร์บอน 387.7
g/kg ไนโตรเจน 7.5
g/kg ฟอสฟอรัส 2.3
g/kg โพแทสเซียม 10.2
g/kg แคลเซียม 19.8
g/kg และ C/N
51.7 g/kg ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดิน
นอกจากนี้การผลิตถ่านในภาคใต้ ซึ่งมีกำลังผลิตรวม 155,967 ตัน/ปี (92.5% ของปริมาณถ่านที่ผลิตทั้งประเทศ) และใช้ไม้ยางพาราเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตถ่าน
(มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม,
2560) โดยกระบวนการผลิตถ่านจะมีเศษถ่านเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามราคารับซื้อเศษถ่านมีราคาต่ำคือ 1 บาท/กก.
ผู้ประกอบการรายเล็กจึงไม่ได้ให้ความสนใจในเศษถ่านเหล่านี้
และปล่อยทิ้งในพื้นที่เผาถ่าน โดยไม้ยางพาราประกอบด้วยร้อยละขององค์ประกอบต่าง ๆ
ได้แก่ คาร์บอน 45.4±1.2 เซลลูโลส
46.4±4.6 และไนโตรเจน 0.3±0.1 ดังนั้นเศษถ่านที่ผลิตจากไม้ยางพาราจึงมีศักยภาพในการนำมาใช้ผลิตถ่านเพื่อเป็นตัวดูดซับ
เนื่องจากมีราคาถูก มีปริมาณสูง สามารถใช้วัสดุปรับปรุงดินและเพิ่มธาตุอาหารให้แก่พืช
ดังนั้นทะลายเปล่า เปลือกโกโก้
แลเศษผงถ่าน จึงมีศักยภาพในการนำมาศึกษาพัฒนาเป็นถ่านชีวภาพเพื่อใช้เป็นตัวดูดซับสารบำรุงพืชกรดอะมิโน เพื่อเป็นวัสดุปรับปรุงดินและเพิ่มธาตุอาหารพืช
เนื่องจากวัสดุที่ศึกษามีปริมาณเหลือทิ้งจำนวนมาก ราคาถูก และการใช้ของเหลือทิ้งเหล่านี้ในการผลิตถ่านชีวภาพยังเป็นการลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการกักเก็บคาร์บอนลงให้แก่ดินแทนที่จะเผาให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โครงการวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา
มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบของกรดอะมิโน และถ่านชีวภาพต่าง
ๆ ที่ใช้ศึกษา 2) เพื่อศึกษาสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการดูดซับสารบำรุงพืชกรดอะมิโนบนถ่านชีวภาพต่าง
ๆ 3) เพื่อศึกษาต้นทุน และความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ในการผลิตถ่านกรดอะมิโนชีวภาพมูลค่าสูงจากของเหลือทิ้งในอุตสาหกรรม
คณะนักวิจัยมีประสบการณ์การทำงานและวิจัยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
มีการบูรณาการระหว่างศาสตร์ ได้แก่ ศาสตร์ทางเกษตรศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร และวิศวกรรมศาสตร์
เป็นต้น และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากภาคประชาชน
ภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น บริษัทปลาณีตฟาร์ม จำกัด และกลุ่มเกษตรกรใน จ.สงขลา
เป็นต้น โครงการวิจัยนี้จะเกิดผลผลิตที่เป็นองค์ความรู้ คือ สภาวะที่เหมาะสมในการผลิตสารบำรุงพืชกรดอะมิโนที่ถูกดูดซับบนถ่านชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งในอุตสาหกรรม
ที่เป็นนวัตกรรม คือ สารบำรุงพืชกรดอะมิโนที่ถูกดูดซับบนถ่านชีวภาพจากจากวัสดุเหลือทิ้งในอุตสาหกรรม
ซึ่งเป็นการบริหารจัดการของเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหารให้ปริมาณลดลงและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผลกระทบเชิงชุมชนและสังคมนั้น
จะทำให้เกษตรกรสามารถผลิตสารบำรุงพืชที่มีคุณภาพ และใช้งานในชุมชน สำหรับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจะสามารถเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สารบำรุงพืชถ่านกรดอะมิโนชีวภาพ
จากจากวัสดุเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมให้แก่ผู้ประกอบการ
ลดรายจ่ายของเกษตรกรผู้ผลิตเพื่อใช้เอง และเป็นการเพิ่มมูลค่าแก่จากวัสดุเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมซึ่งสอดคล้องกับ
BCG Model ด้วยการใช้กรดอะมิโนจากอุตสาหกรรมอาหารทะเล
ร่วมกับทะลายปาล์มเปล่า เปลือกโกโก้ และเศษผงถ่าน ซึ่งเป็นทรัพยากรชีวภาพเพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ถ่านกรดอะมิโนชีวภาพมูลค่าสูงสำหรับบำรุงพืช
รวมถึงการนำทะลายปาล์มเปล่า เปลือกโกโก้ และเศษผงถ่าน ซึ่งเป็นวัสดุเหลือทิ้งกลับมาใช้ประโยชน์
และผลิตถ่านกรดอะมิโนจากทะลายปาล์มเพื่อใช้บำรุงพืชด้วยการใส่ลงในดินยังเป็นการช่วยเพิ่มการกักเก็บคาร์บอนลงในดินแทนที่จะเผาให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวอีกทางหนึ่ง
นอกจากนั้นในเชิงนโยบาย
ข้อมูลและแนวทางที่ได้จากโครงการวิจัยนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำมาใช้กำหนดเป็นนโยบายในการพัฒนาการเกษตรแบบอินทรีย์อย่างยั่งยืนได้ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||
รายละเอียดการนำไปใช้งาน |
|
|||||||||||||||||||||||||
เอกสารประกอบโครงการ |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | ผศ.ดร. กิตติภูมิ ศุภลักษณ์ปัญญา | คณะอุตสาหกรรมเกษตร ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 60 |
2 | สุดนัย เครือหลี | คณะเกษตรศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
3 | ศรีอุบล ทองประดิษฐ์ | คณะอุตสาหกรรมเกษตร ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
4 | จิระนาถ รุ่งช่วง | คณะอุตสาหกรรมเกษตร ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |
5 | ผศ. อวยพร วงศ์กูล | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 10 |