การพัฒนาการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนด้วยกลุ่มปิโตรเคมี

Development of biosurfactant Producing bacteria for application f petroleum industry and biosurfactant producting bacteria for application of petroleum industry and bioremediation of petrolemu materials

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2567
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการประยุกต์
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2566
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2567
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 1 ธันวาคม 2566
ประเภททุนวิจัย ทุน ววน.
สถานะโครงการ เบิกงวดที่3
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ

การพัฒนาการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนด้วยกลุ่มปิโตรเคมี

ฌานิกา แซ่แง่ ชูกลิ่น[1] อทิพันธ์ เสียมไหม[2] ชุตินุช สุจริต1 เอนก สาวะอินทร์1

กัตตินาฎ สกุลสวัสดิพันธ์1

 

บทคัดย่อ

         

          การศึกษานี้แยกเชื้อแบคทีเรียที่สามารถผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพจากดินที่ปนเปื้อนน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ที่ใช้แล้วโดยเก็บตัวอย่างทั้งหมดจำนวน 48 ตัวอย่าง จากจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดตรัง สามารถแยกแบคทีเรียที่สามารถใช้น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ที่ใช้แล้วเป็นแหล่งคาร์บอนในการเจริญได้จำนวน 374 ไอโซเลท โดยมีแบคทีเรียจำนวน 137 ไอโซเลท สามารถผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพได้จากการใช้วิธี drop-collapsing test ในการตรวจสอบ และมี 30 ไอโซเลทที่มีศักยภาพในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพโดยสามารถลดแรงตึงผิวและเกิดอิมัลชั่นได้ดี โดยเชื้อแบคทีเรียไอโซเลท TR16 สามารถลดแรงตึงผิวได้ดีที่สุด (20.67 มิลลินิวตันต่อเมตร) และมีค่าความสามารถในการเกิดอิมัลชั่นที่ร้อยละ 23.50 หลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 48 ชั่วโมงโดยใช้น้ำตาลกลูโคสเป็นแหล่งคาร์บอน

          สภาวะที่เหมาะสมในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพจากแบคทีเรียไอโซเลท TR16 คือ อาหาร MSM ที่มีน้ำตาลกลูโคสร้อยละ 2 โดยน้ำหนัก เป็นแหล่งคาร์บอนและมี (NH4)2SO4 ร้อยละ 0.4 โดยน้ำหนักเป็นแหล่งไนโตรเจน พีเอชเริ่มต้นของอาหารเลี้ยงเชื้อเท่ากับ 7.0 ที่อุณหภูมิห้อง (30±5 องศาเซลเซียส) บนเครื่องเขย่าความเร็ว 200 รอบต่อนาที ภายหลังจากการเลี้ยงเป็นเวลา 69 ชั่วโมง แบคทีเรียไอโซเลท TR16 มีค่ากิจกรรมการลดแรงตึงผิวสูงที่สุดเท่ากับ 43 มิลลินิวตันต่อเมตร โดยสามารถลดแรงตึงผิวของอาหารเลี้ยงเชื้อจาก 72 มิลลินิวตันต่อเมตร เป็น 29 มิลลินิวตันต่อเมตร และมีค่าความสามารถในการเกิดอิมัลชั่นที่ร้อยละ 49

          การศึกษาการย่อยสลายน้ำมันน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์และน้ำมันพืชที่ใช้แล้วด้วยการเติมแบคทีเรียที่ผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพ TR17 พบว่าหลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 35 วันในดินสภาพของเหลวเปียกที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ ชุดการทดลองที่ไม่มีการเติมแบคทีเรียไอโซเลท TR16 สามารถย่อยสลายน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์และน้ำมันพืชที่ใช้แล้วได้ที่ร้อยละ 4.78 และ 4.85 ตามลำดับ สำหรับชุดการทดลองที่มีการเติมหัวเชื้อของแบคทีเรีย TR17 พบว่าความสามารถในการย่อยสลายน้ำมันทั้งสองชนิดจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อเพิ่มเวลาในการเลี้ยงและมีค่าสูงสุดที่ร้อยละ 33.25 และ 31.88 สำหรับน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ที่ใช้แล้วและน้ำมันพืชที่ใช้แล้วตามลำดับ หลังจากการเลี้ยงในดินสภาพของเหลวเปียกที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อและเติมอาหาร MSM ที่มีน้ำตาลกลูโคสร้อยละ 2 โดยน้ำหนัก เป็นแหล่งคาร์บอนและมี (NH4)2SO4 ร้อยละ 0.4 โดยน้ำหนักเป็นแหล่งไนโตรเจน พีเอชเริ่มต้นของอาหารเลี้ยงเชื้อเท่ากับ 7.0 ที่อุณหภูมิห้อง (30±5 องศาเซลเซียส) บนเครื่องเขย่าความเร็ว 200 รอบต่อนาที เป็นเวลา 35 วัน จากผลการทดลองสามารถสรุปได้ว่าแบคทีเรียที่ผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพ TR17 มีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในการบำบัดดินในสภาพ ของเหลวเปียกที่มีการปนเปื้อนของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์และน้ำมันพืชที่ใช้แล้วได้ 

         

คำสำคัญ: การผลิต; สารลดแรงตึงผิวชีวภาพ; การใช้ประโยชน์; อุตสาหกรรมปิโตรเลียม; การฟื้นฟูสภาพ


 



[1] อาจารย์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง  อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง

[2] อาจารย์คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

 

 

รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสารประกอบโครงการ
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ผศ.ดร. ฌาณิกา แซ่แง่ ชูกลิ่นคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังหัวหน้าโครงการ65
2รศ.ดร. ชุตินุช สุจริตคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังผู้ร่วมวิจัย10
3กัตตินาฏ สกุลสวัสดิพันธ์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังผู้ร่วมวิจัย15
4ผศ. เอนก สาวะอินทร์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังผู้ร่วมวิจัย10