การพัฒนาแผ่นแปะกักเก็บกลิ่นตะไคร้หอมจากวัสดุโฟมยางธรรมชาติ

Development of citronella scent retention patches from natural rubber foam

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2568
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการวิจัยและพัฒนา
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2567
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2568
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 15 ตุลาคม 2567
ประเภททุนวิจัย งบประมาณรายได้
สถานะโครงการ เบิกงวดที่1
เลขที่สัญญา
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ

มูลค่าการซื้อขายน้ำมันหอมระเหยทั่วโลกมีจำนวน 56,000 ตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปีและคิดเป็นมูลค่า 11,500 ล้านบาท โดยน้ำมันหอมระเหยมาจากพืชยืนต้น ซึ่งร้อยละ 65 มาจากแหล่งผลิตที่อยู่ใกล้จุดศูนย์สูตร เนื่องจากมีสภาพภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องหอมรายใหญ่และมีการส่งออกไปทั่วโลก ด้วยจุดเด่นที่เป็นแหล่งวัตถุดิบ โดยเฉพาะสมุนไพร  ตลอดจนการรู้จักนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการผลิต ส่งผลให้ประเทศไทยมีโอกาศสร้างสรรค์กลิ่นให้เป็นที่นิยมและสร้างรายได้ให้กับประเทศอย่างมหาศาล

    ตะไคร้หอม ( Citronella grass ) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cymbopogon nardus Linn. Rendle เป็นพืชในวงศ์  Gramineae สามารถปลูกขึ้นได้ง่ายในประเทศไทย มีสายพันธุ์ที่สำคัญ ได้แก่ ตะไคร้บ้านหรือตะไคร้แกง ตะไคร้หอมหรือตะไคร้แดง ตะไคร้บ้านมีน้ำมันหอมระเหยประมาณ ร้อยละ 0.4-0.6 องค์ประกอบส่วนใหญ่คือ Geraniol น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้หอมมีประมาณ ร้อยละ 0.4-0.6 องค์ประกอบส่วนใหญ่คือ Citronellal สรรพคุณของน้ำมันหอมระเหยตะไคร้ น้ำมันสกัดจากใบตะไคร้ ให้กลิ่นหอมอมเปรี้ยว ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แก้แน่น ขับลมใน ล้าไส้ ขับประจ้าเดือน กลิ่นมีผลต่อระบบประสาท ช่วยให้หลับสบาย ลดความตึงเครียด  น้ำมันมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อกลากและเชื้อรา รวมทั้งช่วยป้องกันยุง และแมลงต่างๆได้

    ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้หอม ได้แก่ การบรรเทาอาการปวด ด้วยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้หอมมีสมบัติในการช่วยบรรเทาอาการปวดต่างๆ โดยเฉพาะปวดกล้ามเนื้อ อาจช่วยลดการอักเสบและปวดในบริเวณต่างๆ ของร่างกาย การผ่อนคลายและช่วยในการนอนหลับ ซึ่งกลิ่นหอมของน้ำมันตะไคร้สามารถช่วยในการผ่อนคลายจิตใจและร่างกาย และช่วยในการสร้างสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับ นอกจากนั้นน้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้หอมสามารถใช้เป็นวิธีการไล่แมลงได้หลายชนิด เนื่องจากมีกลิ่นที่ไม่ชอบและทำให้แมลงไม่เข้าใกล้ ตัวอย่างเช่น ไล่ยุง ซึ่งกลิ่นของน้ำมันตะไคร้สามารถใช้ไล่ยุงได้ โดยสามารถใส่น้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้หอมในรูปแบบสเปรย์ฉีดหรือใช้แผ่นแปะสำหรับไล่ยุง

    การผลิตแผ่นแปะน้ำมันหอมระเหยเป็นวิธีที่น่าสนใจ โดยน้ำมันหอมระเหยนั้นจะไม่สัมผัสผิวหนังโดยตรง  ป้องกันการแพ้สารที่สัมผัสผิวหนัง แต่บางยี่ห้อจะใช้สารไล่ยุงที่มีส่วนผสมของสารดีอีอีที (DEET) ซึ่งเป็นสารเคมีออกฤทธิ์และจัดอยู่ในหมวดวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 และเป็นอัตรายต่อผู้ใช้ นอกจากนั้นแผ่นแปะน้ำมันหอมระเหยสามารถใช้ได้หลายวิธี เช่น ในการไล่แมลง การรักษาสุขภาพ หรือการผ่อนคลายจิตใจ ซึ่งคุณสมบัติของแผ่นแปะน้ำมันหอมระเหย มีกลิ่นหอมที่เป็นมิตร มีความยาวนานที่สามารถระเหยได้นานๆ มีความปลอดภัย และต้องไม่มีสารที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์แผ่นแปะกลิ่นตะไคร้หอมจำนวนมาก ที่วางจำหน่ายขายในท้องตลาด บางประเภทใช้สารสังเคราะห์ซึ่งอาจจะส่งผลข้างเคียงต่อการใช้งาน รวมถึงระยะเวลาในการปลดปล่อยกลิ่นที่สั้นเกินไป

     สถานการณ์ยางพาราประเทศไทยมีการส่งออกยางพารามีมูลค่า 50,000.65 ล้านบาท ในปี 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.68 ตลาดหลักคือจีนร้อยละ 33.04 มาเลเซียร้อยละ 14.44 ญี่ปุ่นร้อยละ 8.24 สหรัฐอเมริการ้อยละ 7.67 รวมเป็นสัดส่วนร้อยละ 63.39 ส่วนใหญ่เป็นยางดิบ ซึ่งมีการแปรรูปยังอยู่ในสัดส่วนน้อย ซึ่งปัญหาเกิดจากความผันผวนของราคายาง ทำให้ไม่กล้าที่จะลงทุนในการผลิต การลงทุนเครื่องจักรที่มีต้นทุนสูง นอกจากนี้มีการแข่งขันกันสูงกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากยางสังเคราะห์ จึงทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านต้นทุนรวมถึงความมั่นคงและยั่งยืนในอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพารา  

    ดังนั้นการพัฒนาประสิทธิภาพของแผ่นแปะกลิ่นตะไคร้หอมจึงเป็นโจทย์ที่สำคัญสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยการใช้ตะไคร้หอมที่เป็นสมุนไพรไทยและนำมาผสมผสานกับโฟมยางจากยางธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ล้วนเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าให้กับพืชเศรษฐกิจ รวมถึงการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์และเป็นองค์ความรู้ที่จะนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไปในอนาคต  

รายละเอียดการนำไปใช้งาน

งานวิจัยนี้มีแนวคิดที่จะพัฒนาแผ่นกักเก็บกลิ่นตะไคร้หอมจากวัสดุโฟมยางธรรมชาติ เพื่อศึกษาการ

ผสมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นตะไคร้หอมในโฟมยางธรรมชาติและประสิทธิภาพในการกักเก็บกลิ่นของต้นแบบแผ่นกักเก็บกลิ่นตะไคร้หอมจากวัสดุโฟมยางธรรมชาติเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ท้องตลาด เพื่อเป็นองค์ความรู้ และนวัตกรรม รวมถึงแนวทางในการพัฒนาและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราที่มีราคาผันผวนหรือความไม่แน่นอนในตลาด 

เอกสารประกอบโครงการ
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1ธีระวัฒน์ เพชรดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาหัวหน้าโครงการ50
2ยงยุทธ แก้วจำรัสคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาผู้ร่วมวิจัย25
3ฐานวิทย์ แนมใสคณะวิศวกรรมศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย สงขลาผู้ร่วมวิจัย25