โครงการวิจัย
การใช้ไขสเตียรีนเป็นสารเพิ่มสีไข่ ในอาหารไก่ไข่
The use of stearin as a pigment additive in layer chicken feed.
รายละเอียดโครงการ
ปีงบประมาณ | 2568 |
หน่วยงานเจ้าของโครงการ | |
ลักษณะโครงการ | โครงการใหม่ |
ประเภทโครงการ | โครงการเดี่ยว |
ประเภทงานวิจัย | โครงการพื้นฐาน |
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2567 |
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) | 30 กันยายน 2567 |
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) | 1 ตุลาคม 2567 |
ประเภททุนวิจัย | งบประมาณรายได้ |
สถานะโครงการ | ทำสัญญาแล้ว |
เลขที่สัญญา | |
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา | ไม่ใช่ |
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม | ไม่ใช่ |
บทคัดย่อโครงการ | โครงการวิจัยนี้มีแนวคิดในการผลิตสูตรอาหารไก่ไข่ต้นแบบที่ใช้ไขสเตียรีนเป็นสารเพิ่มสีไข่
เนื่องจากปัจจุบันอุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกในปัจจุบันจำเป็นจะต้องทำให้คุณภาพของผลผลิตตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
โดยในอุตสาหกรรมไก่ไข่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสีของไข่แดง ซึ่งมักนิยมและพึงพอใจสีไข่แดงที่มีสีเหลืองอมส้ม
(Bird,
1995) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่แต่ละประเทศซึ่งจะนิยมสีของไข่แดง แตกต่างกันออกไป
แคโรทีนอยด์เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว ประกอบด้วย isoprene unit (C4H8) 4 unit มาต่อกัน ที่ปลายข้างใดข้างหนึ่งหรืออาจทั้ง 2 ข้างมีคาร์บอนอะตอมที่ต่อกันเป็นวง
อาจจะให้สีเหลือง ส้ม และแดง มักพบในเนื้อเยื่อพืช แคโรทีนอยด์มีคุณสมบัติที่ไม่ละลายน้ำแต่ละลายได้ในไขมัน
(lipophore) (Fax and Vers, 1960) และคงตัวในสภาพที่เป็นด่าง
ไม่ทนต่อสภาพเป็นกรด และสีจะเสื่อมได้ง่ายในปฏิกิริยาออกซิเดชั่น แคโรทีนอยด์ปรากฎในสัตว์แทบทุกชนิด
(Fax and Vers, 1960) แต่ในสัตว์ปีกไม่สังเคราะห์แคโรทีนอยด์
ขึ้นมาเองได้ (Anonymous, 1988 อ้างโดย ครวญ, 2536) จึงจำเป็นที่ต้องได้รับจากพืชหรือสัตว์บางชนิด สัตว์ปีกสามารถเก็บสะสมเม็ดสีไว้ในร่างกายได้หรืออาจเปลี่ยนเป็นเม็ดสีอื่นได้
แคโรทีนอยด์สามารถแบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ๆ โดยคำนึงถึงลักษณะโครงสร้างทางเคมี ได้แก่
1.แคโรทีน (carotene, carotenoid hydrocarbon) แต่แคโรทีนอยด์ชนิดนี้ไม่มีผลต่อการให้สีโดยการเข้าไปสะสมในร่างกายสัตว์แต่อย่างใด
(Braunlich, 1974) 2. ออกซีแคโรทีนอยด์ (oxycarotenoids) หรือ แซนโทฟิลล์ (xanthophyll) เป็นสารประกอบที่เกิดจากการเติมออกซิเจนเข้าไปในโมเลกุลของแคโรทีน
อาจอยู่ในรูป hydroxyl หรือ keto หรือ ester
ซึ่งส่วนดังกล่าวนี้เป็น function group ที่ทำให้สามารถเข้าไปสะสมในส่วนต่างๆ
ของร่างกายสัตว์ปีกได้ (Marusich และ Bauemfeind, 1970) ซึ่งจะให้สี (pigment) ตั้งแต่สีเหลืองจนสีแดงอมส้ม
แหล่งสารให้สีแก่ผลผลิตสัตว์ปีกพบได้ทั้งในพืชและสัตว์ ซึ่งวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่เป็นแหล่งให้สารสีแซนโทฟิลล์โดยนำมาใช้เลี้ยงสัตว์ทั่วไป
เช่น ข้าวโพด ใบกระถิน ใบมันสำปะหลังป่น แกลบกุ้ง เป็นต้น เมื่อสัตว์กินเข้าไปแล้วจะไปสะสมเป็นสารสีที่ผิวหนังหรือไข่แดงตามความต้องการของผู้บริโภค
แต่เนื่องจากวัตถุดิบเหล่านี้มีขีดจำกัดในการใช้ เช่น ข้าวโพดมีราคาแพงและมักมีปัญหาเรื่องคุณภาพเพราะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
เนื่องจากภายในประเทศผลิตไม่เพียงพอแก่ความต้องการ และมักมีปัญหาเรื่องเชื้อราซึ่งสารพิษอัลฟลาทอกซิน
ส่วนในใบกระถินและใบมันสำปะหลังนั้นมีขีดจำกัดในการใช้ คือ เยื่อในสูง ซึ่งถ้าใส่ปริมาณสูงจะมีปัญหาอาหารฟ่าม
ลดความน่ากินและทำให้สัต์กินอาหารได้น้อย (อุทัย, 2529) จึงทำให้ผู้ผลิตนิยมเติมสารสีสังเคราะห์ลงในอาหารไก่ไข่แต่สารสังเคราะห์ที่ใช้กันอยู่มีราคาแพง
ไม่มีคุณค่าทางอาหารและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาเหล่านี้และยังช่วยในการเพิ่มในไข่แดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คือ สารเสริม สารแซนโทฟิลล์จากแหล่งวัตถุดิบธรรมชาติลงในอาหารไก่ไข่ ซึ่งอาจมีราคาถูก
มีคุณค่าทางอาหารและเป็นวัตถุดิบหาง่ายในท้องถิ่นอีกด้วย
“ไขสเตียรีน”
เป็นเศษเหลือจากการสกัดน้ำมันปาล์มแดง โดยพบว่าในการสกัดน้ำมันปาล์มแดง เป็นน้ำมันปาล์มดิบชนิดแยกหีบหรือน้ำมันปาล์มแดง
(red
palm oil) นั้น เป็นน้ำมันที่ได้มาจากการหีบเฉพาะเนื้อปาล์ม (palm
fruit) จัดเป็นน้ำมันเกรดเอ มีสารแคโรทีนอยด์ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ
และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง อย่างไรก็ตาม การผลิตน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์จากน้ำมันปาล์มดิบ
โดยผ่านกระบวนการฟอกสี จะทำให้สารแคโรทีนอยด์ลดลงเกือบหมด ดังนั้น น้ำมันปาล์มแดงและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์มแดงถือเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพชนิดใหม่
และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับปาล์มน้ำมัน (พัชรินทร์, 2559) จากการลงพื้นที่กลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมันท่าสะบ้า
ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ในการสกัดน้ำมันปาล์มแดง และมีเศษเหลือจากการสกัดน้ำมันปาล์มแดง
คือ ไขสเตียรีน ประมาณ 70 % จากการทดสอบไขมันเบื้องต้น (primary
study) โดยวิธี Gas Chromatography (GC-FID) พบว่า ไขสเตียรีน มีปริมาณ Palmitic
acid (C16:0) = 54.36, Stearic acid (C18:0) = 4.08 Oleic acid (C18:1) = 29.74 Linoleic acid (C18:2) = 6.60 Linolenic acid (18:3) = 0.33
Arachidoic acid C20:0 = 0.33 Eicosenoic acid (C20:1) 0.10 และทดสอบวิตามินเอเบื้องต้น (Preliminary
study) ด้วยวิธี Colorimetry method โดยพบว่ามีวิตามิน
0.24% โดยหากมีการนำเศษเหลือดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ก็จะเป็นการผลิตสารสีเพื่อเพิ่มสีไข่
ของไก่ไข่ และอาจมีวิตามินอี และวิตามินเอ ในไข่ไก่ได้ในอนาคต ผลพลอยได้อีกทางเป็นการเพิ่มมูลค่าเศษเหลือจากการสกัดน้ำมันปาล์มแดง
และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนที่ตอบโจทย์นโยบายของประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากแบบ
BCG ได้ในอนาคต |
รายละเอียดการนำไปใช้งาน | นำข้อมูลที่ได้ไปใช้ประโยชน์ทางดา้นการเรียนการสอน การบริการวิชาการให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่แบบปล่อยอิสระที่สนใจ และนำข้อมูลตีพิมพ์เผยแพร่ต่อไป |
เอกสารประกอบโครงการ |
|
ทีมวิจัย
ที่ | นักวิจัย | หน่วยงาน | ตำแหน่งในทีม | การมีส่วนร่วม (%) |
---|---|---|---|---|
1 | สุภิญญา ชูใจ | คณะสัตวแพทยศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | หัวหน้าโครงการ | 60 |
2 | สุรัญยา นพกุล | คณะสัตวแพทยศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |
3 | สิริศักดิ์ ชีช้าง | คณะสัตวแพทยศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช | ผู้ร่วมวิจัย | 20 |