การพัฒนาสารสกัดกระชายดำไมโครอิมัลชันสำหรับเพิ่มสมรรถภาพการสืบพันธุ์ในแพะเพศผู้

Development of Kaempferia parviflora Microemulsion Extract for Enhancing Reproductive Performance in Male Goats

รายละเอียดโครงการ

ปีงบประมาณ 2568
หน่วยงานเจ้าของโครงการ
ลักษณะโครงการ โครงการใหม่
ประเภทโครงการ โครงการเดี่ยว
ประเภทงานวิจัย โครงการพื้นฐาน
วันที่เริ่มโครงการวิจัย (พ.ศ.) 1 ตุลาคม 2567
วันที่สิ้นสุดโครงการวิจัย (พ.ศ.) 30 กันยายน 2568
วันที่ได้รับทุนวิจัย (พ.ศ.) 27 มีนาคม 2568
ประเภททุนวิจัย ทุน วช.
สถานะโครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ
เลขที่สัญญาN24A680722
เป็นโครงการวิจัยที่ใช้ในการจบการศึกษา ไม่ใช่
เป็นโครงการวิจัยรับใช้สังคม ไม่ใช่
บทคัดย่อโครงการ

แพะเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีความสำคัญของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยสามารถทำเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่อาศัยในพื้นที่เป็นคนไทยอิสลาม จึงทำให้แพะเป็นที่ต้องการเนื่องจากใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาและเพื่อการบริโภคในครัวเรือน แต่ปัญหาที่สำคัญหนึ่งของเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะทางภาคใต้คือการขาดแคลนพ่อแพะพันธุ์ดี เนื่องจากพ่อพันธุ์มีราคาสูง โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ยังเป็นรายย่อย ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการซื้อพ่อพันธุ์หลายตัวมาคุมฝูง เกษตรกรส่วนมากจะมีแพะพ่อพันธุ์คุมฝูงเพียงตัวเดียว ซึ่งถึงแม้แพะจะเป็นสัตว์ที่มีความกำหนัดสูง แต่คุณภาพของน้ำเชื้อแพะพ่อพันธุ์บางตัวมีคุณภาพที่ไม่ดี ทำให้เกิดปัญหาการใช้งานพ่อพันธุ์ที่หนักเกินไป น้ำเชื้อแพะจึงเกิดปัญหาด้อยคุณภาพ เช่น จำนวนตัวอสุจิน้อย อัตราการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิต่ำ รูปร่างของตัวอสุจิมีความผิดปกติมากขึ้น โดยที่ปัญหาข้างต้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการเลี้ยงแพะของเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ประสบกับ อัตราการผสมติดตํ่า อัตราการตายของลูกแรกคลอดสูง หรือคุณภาพซากของแพะขุนไม่ดี ส่งผลให้การเลี้ยงแพะไม่ยั่งยืนและอัตราการเพิ่มขนาดประชากรแพะในภาคใต้จึงยังอยู่ในระดับที่ตํ่า เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของภาครัฐในการเพิ่มปริมาณผลผลิตแพะและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งจะเป็นแนวทางการพัฒนาการเลี้ยงแพะให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและมีปริมาณเพียงพอสำหรับการบริโภคและการส่งออก เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางอาหารและรายได้แก่เกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้

สรรพคุณในตำรายาไทยของกระชายดำ ระบุว่าเป็นยาอายุวัฒนะและเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ สำหรับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับฤทธิ์ทางชีวภาพและเภสัชวิทยาของกระชายดำที่สนับสนุนสรรพคุณที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางเพศของกระชายดำ พบว่าสารสกัดจากเหง้ากระชายดำมีผลทำให้พฤติกรรมทางเพศของสัตว์ทดลองดีขึ้น และมีผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์โดยเพิ่มนํ้าหนักของท่อพักเชื้ออสุจิ ถุงนํ้าอสุจิ ต่อมลูกหมาก และกล้ามเนื้อก้นของหนู สารสกัดจากเหง้ายังมีผลเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศของสัตว์ทดลอง มีฤทธิ์ยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อเรียบองคชาตของหนูแรท และกล้ามเนื้อเรียบอวัยวะเพศผู้ของคนที่ได้จากการผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปยังอวัยวะเพศมากขึ้น และจากการศึกษาของคณะผู้วิจัยซึ่งได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2566 เรื่องการเสริมกระชายดำเพื่อเพิ่มสมรรถภาพการสืบพันธุ์ในแพะเพศผู้ พบว่าการเสริมกระชายดำสดนำมาบดเป็นผงให้แพะกินในขนาด 500 มก./กก.(น้ำหนักสัตว์) เป็นระยะเวลา 30 วัน จะช่วยส่งเสริมสมรรถภาพทางการสืบพันธุ์ของแพะเพศผู้ได้ โดยส่งผลให้ปริมาตรของน้ำเชื้อ จำนวนตัวอสุจิที่รีดได้ และความสมบูรณ์ของเยื่อหุ้มเซลล์อสุจิเพิ่มขึ้น โดยเกษตรกรจะมีกำไรหลังหักต้นทุนค่ากระชายดำซึ่งนับว่ามีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

            ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะนำเทคโนโลยีนาโนมาแปรรูปกระชายดำ โดยพัฒนาเป็นสารสกัดไมโครอิมัลชัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมและการนำส่งสารออกฤทธิ์ในกระชายดำไปยังระบบสืบพันธุ์แพะให้ดีขึ้น ได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถส่งเสริมสมรรถภาพการสืบพันธุ์ในแพะพ่อพันธุ์ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งจะสามารถลดปริมาณของกระชายดำที่ใช้และลดระยะเวลาที่ทำการเสริมกระชายดำในแพะ ทำให้สามารถลดต้นทุนในการผลิตแพะได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การส่งเสริมการใช้กระชายดำแทนการใช้สารเคมีสังเคราะห์จะเป็นการเพิ่มผลผลิตลูกแพะและรายได้ให้แก่เกษตรกร ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นได้อย่างยั่งยืนตามแนวทาง BCG Model

รายละเอียดการนำไปใช้งาน
เอกสารประกอบโครงการ
  • -

ทีมวิจัย

หัวหน้าโครงการ
ที่ นักวิจัย หน่วยงาน ตำแหน่งในทีม การมีส่วนร่วม (%)
1วิภาวี แสงสร้อยคณะสัตวแพทยศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชหัวหน้าโครงการ50
2ณัชธฤต ฤกษ์งามคณะสัตวแพทยศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย20
3สุณิษา คงทองคณะสัตวแพทยศาสตร์ ราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราชผู้ร่วมวิจัย30